รีวิว
แอฟริกาใต้ .. หนังคนละม้วน ก่อนไปคิดอย่าง กลับมาอีกอย่างง…..
ลิ้งดูโปรแกรมครับ
http://www.unithaitravel.com/__files/t/oth/595-GOTJNB-SQ003.pdf
โปรแกรมที่ดูข้างบน ตามที่ผมรีวิวทั้งหมดเลยครับทั้ง สายการบิน โรงแรม อาหาร สถานที่เที่ยว
“แอฟริกาใต้ หรอ เมื่อไหร่ โหหห ไม่อยากไปอะ ทำไมไม่ให้ไปยุโรป อิตาลี งี้ฟะ ขอแบบกินหรู
อยู่อย่างราชาอะ ไม่มีเหรอ ” ผม กล่าวกับคนที่โทรมาชวน … หน้านิเชาที่มีพระอาทิตย์แฉกอยู่บนหัว ลอยมาเลยยยย ร้อนแน่ว่ะ !!
เดินอยู่กลางป่าไม้แห้งๆ กินถั่ว หนมปังแห้งๆ กับน้ำซุปข้นๆ ที่ผสมหลายอย่างลงไป ดีไม่ดีอาจเจอคนป่า นุ่งน้อยห่มน้อย ถือหอก
มากันเป็นแก๊งยืนหน้านิ่งๆมองหน้าเรา แบบในหนัง ? ? …เห้ยย แต่ครั้งหนึ่งในชีวิต หาประสบการณ์ เปลี่ยนรสชาติมั่ง เลยบอกให้ลองส่งโปรแกรมทัวร์มา
อ่านไปๆ สะดุดเรื่องแรก เจอเลย คือ อากาศ เลขตัวเดียว บร้าา ไม่เชื่อ!!!!! สรุปกับตัวเองเรียบร้อย เอาเสื้อหนาวกับเสื้อกั้กไปอย่างละตัว พอ.
ต่อไป คือ ส่องสัตว์ด้วย กล้องครับกล้อง. เพื่อความพร้อม ไม่ต้องเสียดายเวลาเจออะไรสวยๆ แล้วถ่ายไม่ได้ สำหรับผมนี่ การไปแต่ละทริป
การเตรียมกล้องนี่ใช้เวลามากสุด เพราะต้องคาดการณ์ล่วงหน้า ว่าจะไปเจออะไร มุม แสง ประมาณไหน ใช้เลนส์อะไร บลา บลาา งานละเอียดน่ะครับบ …
อ่ะ โอเค สรุปละ …. เอาไปหมดละกัน 55555 เดาไม่ถูกเหมือนกัน จอบอ…การเดินทางคร่าวๆ คือ 15ชั่วโมง เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ แล้วบินต่อไปเมืองแรก คือ โจฮันเนสเบิร์ก
อยู่โจฮัน 2วัน แล้วไปต่อเคปทาวน์ ประมาณนี้ครับ….ส่วนรายละเอียด เช่น กินสัตว์ใหญ่ นอนห้าดาว (สไตล์แอฟริกาใต้) ดูโชว์คนป่า ฯลฯ ให้ติดตามกันต่อครับ ว่ามันคนละม้วนยังไง .. เพราะมโนไว้มากก
เริ่ม ม มม มม …..
เริ่มเดินทางด้วยบินสายการบิน SQ(สิงคโปร์แอร์ไลน์) เราออกจากสุวรรณภูมิไปต่อเครื่องที่สิงคโปร์ ด้วยเครื่อง A350 พระเจ้า เครื่องใหม่ล่าสุด ฮิเทคมาก multimedia ครบ
ที่สำคัญ มี wifi ขายด้วย ราคาพอคบได้ All flight 21$(600กว่าบาท) คุ้มอยู่สำหรับนักธุรกิจอย่างเรา555 ชอบๆๆ เริ่มได้สวย
ความดีงามบนเครื่องยังไม่จบแค่นี้.. เครื่องออกได้สักพัก นางฟ้าก็มาแจก Menu อาหาร เอากับนางซิ ดูเอาเองครับสุดยอด แถมถ้ายังไม่อิ่มสามารถเดินไปท้ายเครื่อง จะมีพวก snack ของทานเล่น เยอะแยะ และก็เริ่มกับอาหารมื้อแรกของผม ….ฉู่ฉี่ปลา ข้าวเปล่า สลัดกุ้ง เค้ก ชา กาแฟ อร่อยมากกกก
อิ่มแล้วทำไรร นอนซิครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเวลาบินนานๆ ต้องหายาพวกคลายเครียดหรือยานอนหลับชนิดอ่อนมาทาน เพราะไม่งั้นไม่หลับแล้วจะเที่ยวไม่หนุก…เพื่อนๆ ลองหาทานกันครับ แต่ก็ต้องมีตื่นอีกหลายครั้งครับ เพราะนางฟ้าบริการดีเหลือเกิน ถึงเวลาก็ปลุกมาให้ทานข้าวทุกๆ 5 ชม. ยังกับเมียเลย อ้อ อีกอย่างสายการบินสิงคโปร์ มีบริการ ผ้าร้อนแจกทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องและตื่นนอน
ตั้งแต่นั่งเครื่องมาก็เพิ่งเจอสายการบินนี้แหละ ตอนแรกๆ ก็นึกในใจทำไมไม่แจกผ้าเย็นฟร้ะะะ แต่พอลองใช้เอออรู้สึกดีเลยอะ กิน นอน กิน งีบ กิน 15 ชม ก็….ถึงแล้ววววววววว เฮ้ยทำไมไม่รู้สึกเบื่อ เมื่อย เหมือนทริปก่อนๆเลย หรือเพราะ เครื่องบินดี อาหารดี เพราะสิ่งที่เตรียมใจไว้ตอนแรก ว่าต้องนั่งเครื่อง นาน 15 ชม ต้องโหดแน่ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดอะ สบาย….
ลืมอีกอย่าง ระหว่างทางก่อนถึงโจฮันเนสเบิร์ก เครื่องตกหลุมอากาศหนัก หนัก มากก…. พอถามหัวหน้าทัวร์แกบอกว่าเป็นปกติของฤดูนี้ โดยเฉพาะตอนใกล้เข้ารอยต่อระหว่ามหาสมุทรกับแผ่นดิน….แต่ก็ถึงอย่างปลอดภัยยยย South Africa ที่รักถึงแล้วววววว
เมื่อเหยียบแผ่นดินแอฟริกาใต้ สิ่งแรก เจอเข้าไปดิ… ผู้คนที่นี่เป็นมิตรมาก ยิ้มแย้มทักทายตลอด ตั้งแต่ ตม. พนักงานสนามบิน ยันพนักงานในห้องน้ำ สัมผัสได้ถึงมิตรภาพ ประทับใจจอร์จ เลย หนังม้วนแรกที่คนละม้วนกับที่หยิบมาเลย…นี่หรือที่เขาว่า บ้านป่าเมืองเถื่อน
ลงสนามบิน หัวหน้าทัวร์พาขึ้นรถCoach แบบ 50 ที่นั่ง ใหม่เอี่ยม สะอาด ที่แรกของวันนี้ คือ พิพิธภัณฑ์วูร์เทรคเกอร์ (Voortrekker Monument & Museum) อนุสรณ์สถานฉลองครบรอบ 100 ปีสงครามกับพื้นเมือง
ที่ต่อไปเลยนะครับ รายละเอียดเป็นประวัติศาสตร์ ผมไม่เล่านะ เน้นรูปครับ5555 ต่อไปคือ
Union Buildings
Union Buildings สร้างจากหินทรายสไตล์นีโอคลาสสิกดูสง่าผ่าเผย อาคารชุดที่เชื่อมต่อถึงกันนี้มีปีกอาคารสมมาตรกันสองฝั่ง และอีกหนึ่งปีกกึ่งวงกลมที่เชื่อมต่อทั้งหมดเข้าด้วยกัน เมื่อแรกที่สร้างแล้วเสร็จ ที่นี่เป็นอาคารหลังใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้
ใช้เวลาที่นี่พอสมควร เริ่มหิว หัวหน้าทัวร์บอกจะไปทานอาหารเที่ยงเป็นร้านอาหารจีน โฮ้ว…..มาแอฟริกาแต่ได้กินอาหารจีน ยังไงนิ?
มื้อนี้เราได้รับเกียรติจากท่าน ดร.พรชัย ด่านวิวัฒน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพริทอเรีย และภริยา มา ร่วมรับประทานอาหารด้วยรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
ขอโทษที่ปรามาสไปเมื่อกี้ อาหารจีนในประเทศแอฟริกาใต้….อร่อยมากกกก มากกว่าทานที่เมืองไทยอีก ขอบอก รสชาติอาหารจีนฮ่องกงแท้ๆเลย ที่สำคัญทริปนี้เสิร์ฟไวน์ทุกมื้อครับ เอากับเค้าซิ เออ…
กินเสร็จเดินทางต่อไปที่พำนักของราชนิกูลอย่างเรา555 ….ระหว่างเดินทางเจอการประท้วง ที่นี่เวลาจะประท้วงอะไรสามารถทำได้แต่ต้องแจ้งทางการว่าจะประท้วงเรื่องอะไร ที่ไหนเวลาเท่าไรถีงเท่าไร
จากรูป เดาเอาว่า น่าจะสรุปประท้วงเรื่องกัญชา ……และแล้วก็ถึงที่พักของเรา ในเมืองซันซิตี้ เมืองที่ถูกสร้างตามจินตนาการของ ชอล เคิร์ชเนอร์ มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้มั่งคั่ง เป็นอาณาจักรอันกว้างใหญ่และพร้อมสรรพไปด้วยสถานที่พักผ่อนตากอากาศอันสวยหรูและยิ่งใหญ่อลังการโอ้มายก็อดด The Palace of the lost city โรงแรมหรือปราสาท ที่จัดประกวด Miss World นางงามโลก ซึ่งอยู่ภายในบริเวณ Sun City เราเกิดมาเพื่อสถานที่แบบนี้จริงงงงๆ หุหุ
มาดูในห้องบ้างครับ วังดีๆนี่เองห้องนอนสุดหรู มีไวน์ Welcome ด้วย มีเครื่องทำกาแฟสด ขอบอกพี่น้องจองเลยครับเดี๋ยวเต็ม จริงๆนะ
ได้เอาของมาเก็บ ล้างหน้าล้างตาแค่นั้นครับ เพราะต่อแต่นี้เราจะออกไปซึมซับความเป็นแอฟริกากันครับ เริ่มด้วย การตะลุยป่าาาายามค่าคืน ณ ผืนป่าพีลันเนสเบิร์ก อันมีเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร สัมผัสธรรมชาติอันมหัศจรรย์โดยออกชมสัตว์ป่า โดยจะมีนายพรานซึ่งเป็นทั้งสารถีและผู้บรรยายนำเที่ยวชมสัตว์
หูยยย…..เหมือนในทีวีเลยอะ ยังครับยังงงงงงงง ช…..ช้างงงงงงงงป่าาาาา ออกน่ากลัวนิดๆๆๆ เดินกันไม่เกรงใจกรูเลยยยย
…ฉี่จะแตกเอาาา
มาถึงสัตว์ที่ดุร้ายมากกกกใครจะไปรู้ว่า นางโหดมาก ปากที่แข็งแรง เขี้ยวที่แข็งแกร่ง งับทีเดียว ขาดสองท่อนเลย เคยมีสถิติว่าคนที่ถูกสังหารโดยฮิปโปในแต่ละปีมากกว่าจระเข้ซะอีก
ยังครับ ความโหดยังไม่หมดครับ…คราวนี้ เจ้าป่าเลย กำลังล่าเลยครับ ฮั่นแน่ มองกล้องด้วยย รู้งาน
ดูคลิปกันครับด้วย ภาพสดขณะนั้น
โอ่ยย ยย ย หัวใจจะหยุดเต้น กลัวมันกระโดดเข้ามาในรถครับ รถก็ไม่มีลูกกรง แน่มาก 55 เปิดโล่งเลย ระหว่างทางกลับ ก็เจอพี่ช้างขาใหญ่อีกรอบ
เรียบร้อยครับ สำหรับวันแรก…..กลับที่พักเตรียม Dinner กิน Steak ชั้นดี Medium rare steak & Red wine ณ โรงแรม THE PALACE OF THE LOST CITY
เช้าวันที่ 2 ……ก่อนฟ้าสาง เที่ยวป่าซาฟารียามรุ่งอรุณ ณ ผืนป่า พีลันเนสเบิร์ก อันมีเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตรอีกกกกกกกก หนาวโครตตต 2 องศาเค้าแจกผ้าห่ม ผมก็ว่าเอามาทำไม โอ้วาว…สุดท้ายต้องห่อเลยครับหนาวจริง
“แรด”
กวางปริงบ็อกรวมตัวกันหากินเป็นฝูงในทุ่งหญ้าและกินหญ้าเป็นอาหารซึ่งหาดูได้ยากมาก ชื่อ “สปริงบ็อก” มาจากพฤติกรรมที่สามารถกระโดดลอยตัวได้สูงและไกลมากยามตกใจหรือหลบหนีศัตรู
อิมพาลาตัวผู้มีเขาเรียวงามมากกกก
ยีราฟจัดเป็นสัตว์บกที่มีความสูงที่สุดในโลก ตั้งท้องนาน 420-461 วัน (หรือราวประมาณ 15 เดือน) หัวใจของยีราฟหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ลิ้นของยีราฟยาวถึง 45-47 เซนติเมตร และมีความหนาสาก สามารถใช้ตวัดกินพืชที่มีหนามแหลม ยีราฟจะนอนหลับในท่ายืนเพียงวันละ 2 นาที ถึง 2 ชั่วโมง เท่านั้น ยีราฟเมื่อวิ่งจะต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆ เพราะทั้งขาหลังและขาหน้าที่อยู่ข้างเดียวกันจะยกขึ้นลงพร้อมๆ กัน
วัวป่าไวเดอบิส ครับ พันธุ์นี้จะเป็น Blue Wildebeest นะครับ
แดดเริ่มแรง ท้องเริ่มหิว อาหารเช้าสุดเริด รอเราอยู่ซิครับ ที่นี้ต้องทานอาหารเคล้าคลอเสียงเพลงทุกมื้อ มาดูอาหารกันครับ
เป็นไงครับ อาหารสุดคุ้มมั้ยครับ ผมบอกให้จอง จองกันรึยัง..555 เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ….รอดูรีวิวจบ เต็มไม่รู้นะครับ(ล้อเล่นครับแต่อยากให้มาจริงๆๆ)
ก่อนออกจากโรงแรมแวะดูอาณาจักรของ The lost City กันครับ ซึ่งมีคลื่นยักษ์เทียมให้รู้สึกดั่งว่ายอยู่ในท้องทะเลจริงๆ ณ Valley of Wave สัมผัสแรงสั่นสะเทือนดั่งแผ่นดินไหวที่มีทุกชั่วโมง บนสะพานแห่งกาลเวลา Bridge of time อีกทั้งสนามกอล์ฟที่ออกแบบโดยนักกอล์ฟชื่อก้องโลก Gary Player Golf Course และ Sun city Golf Course นอกจากนั้นยังสามารถพักผ่อนได้กับหลากหลายกิจกรรมที่ท่านสนใจ ทั้งโรงภาพยนตร์ คาสิโน ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง Shopping Mall
จากนั้นไป หมู่บ้านเลเซดี (Lesedi Cultural Village) ไปชมโชว์พื้นเมืองของที่นี่ หมู่บ้านวัฒนธรรมแห่งนี้นำเสนอวิถีชีวิตหลากหลายรูปแบบและประวัติความเป็นมาของชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ของชาวแอฟริกาใต้
อาหารกลางวันพื้นเมือง ณ หมู่บ้านเลเซดี มื้อนี้แหละที่เล็งไว้ว่า ต้องขอมาม่า จากหัวหน้าทัวร์แน่ๆ อาหารพื้นเมือง ต้องเป็นแบบซุบแม่มดแบบในหนังแน่ๆ 555 กลัวอะไร
ไงล่ะ …..พุงกางซิครับ อร่อยแท้ คือความรู้สึกผมกับอาหารที่นี่ ตรงกันข้ามหมด คาดว่าจะต้องเจออะไรที่สกปรก เหม็นๆๆ… …แมลงวัน แมลงสาบ ยุง ซักตัวยังไม่เจอเลยครับ ทำให้คิดได้ว่าการที่จะตัดสินอะไรซักอย่าง จากการได้ฟัง โดยไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง มันจะพลาด สิ้งดีๆๆในชีวิตได้………ทานเสร็จก็เดินออกหาสาวมาร่วม Selfie ครับ
มาเปลี่ยนเป็นบรรยากาศการท่องเที่ยวเป็นแบบซาฟารีบ้าง มาที่ The Lion Park อันโดดเด่นของแอฟริกา ชมสัตว์ป่า เช่น เสือขาว ม้าลาย และสัตว์แปลกๆอื่นอีกมากมาย รอให้ท่านได้ไปสัมผัสกันอย่างใกล้ชิดและเก็บภาพประทับใจกันได้เต็มที่ ซึ่งสัตว์เหล่านั้นอยู่อาศัยอยู่ในป่าตามแบบระบบนิเวศน์ที่แตกต่างกันในแต่ละโซนพื้นที่ ถือว่าเป็นการชมสัตว์ตามสภาพวิถีชีวิตจริงอันน่ามหัศจรรย์แห่งธรรมชาติล้วนๆ
เริ่มจากน้อง ชีต้าเลยครับ ท่านผู้ชม แหยงๆอยู่เหมือนกัน แต่ มันต้องได้ซิ 555 ป๊อดๆๆๆ
รอดไปครับ นางอารมณ์ แปรปรวน มาก เดี๋ยวนิ่ง เดี๋ยวรำคาญ เดี๋ยงเดินไปนู่น ไปนี่ ..เทคนิค ผู้เลี้ยงบอกว่าต้องลูบแรงๆ ถ้าลูบเบา มันจะ จั๊กกะจี๋ แล้วจะงับมือเอา ต่อไปเพื่อนที่น่ารัก ยีราฟ แบบประชิดกันเลย
ต่อไปเข้ากรงครับ อันนี้ โหด ต้องนั่งรถกรงให้สัตว์ดูเราครับ ไม่งั้น เป็นอาหารเย็นของพวกนางแน่นๆๆๆๆ
กำลัง สวาปามกันเลยทีเดียว โหด อะ
อันนี้แบบสงบบ้าง
African Wild Dog พวกเค้าเกิดมาเพื่อล่า
“หมาป่าแอฟริกา“ เป็นสัตว์ที่จัดว่าใกล้สูญพันธุ์แล้วAfrican Wild Dog มี IQ ที่มีฉลาดสูงสุดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลยทีเดียว โดยปกติเป็นสัตว์กินเนื้อ นิยมล่าสัตว์ใหญ่ นิสัยดุร้าย และมีความแข็งแรงในการตะครุบเหยื่อ ด้วยการกัด การเคี้ยวได้อย่างฉับไว ปัจจุบันคาดว่า เหลือไม่ถึง 5,000 ตัว โดยถูกล่าจากนักล่าสัตว์และชาวนาในแอฟริกา ส่วนใหญ่ African Wild Dog มักรวมตัวอยู่กันเป็นฝูง 5-20 ตัว และออกล่าช่วงรุ่งสางหรือพลบค่ำ เพราะเป็นช่วงเวลาที่มองเห็นง่ายมากที่สุด
Carnivore Restaurant เป็นร้านอาหารสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทานเนื้อโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว หมู ไก่ แกะ ไปจนถึง game meat หรือเนื้อสัตว์ที่ต้องอาศัยวิธีการล่าถึงจะได้มา ซึ่งมีการหมุนเวียนไปเรื่อยๆในแต่ละวัน ซึ่งในวันที่เราเข้าไปรีวิวนี้ ทางร้านจะมีเนื้อม้าลาย กวางอิมพาลา แอนเทโลปพันธุ์คูดูและจระเข้มาให้เลือกทาน
วิธีการเสิร์ฟอาหารมีจุดเด่นไม่เหมือนใคร เริ่มจากซุปฟักทองและขนมปัง ต่อด้วยเนื้อย่างไฟที่มีร่วมๆ 20 ชนิดโดยเด็กเสิร์ฟจะคว้าชิ้นเนื้อมาแล่ใส่จานร้อนให้เราทานกันสดๆแบบไม่อั้นจนกว่าเราจะยอมยกธงขาว และตบท้ายมื้ออาหารด้วยของหวานซึ่งก็คือไอศกรีมวานิลลาและฟรุ้ตสลัด โดยรวมแล้วรสชาติเนื้อย่างนานาชนิดๆ ทำออกมาได้พอใช้ได้ครับ เน้นที่ความแปลกและหลากหลายซะมากกว่า จุดเด่นที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่ง คือ การตกแต่งร้านที่ใหญ่โต อลังการ แนะนำให้เพื่อนๆ แวะมาชิมกันนะครับ เนื้อม้าลายย่างนี่หาทานในไทยไม่ได้แน่ๆ
“พุงปลิ้น” เลยซิครับ ทุกวันนี้ เรอ ออกมาเป็นเนื้อม้าลายกับเนื้อจระเข้ อยู่เลยครับ 555
นอน… นอน….ครับท้องไส้เริ่มปั่นป่วน555
ดูโรงแรมวันนี้ครับ โรงแรม The Maslow Hotel
อาหารเช้าที่โรงแรม ยังคงความมาตรฐาน ยุโรป จริงครับที่นี่ เพื่อนๆที่มาTripเดียวกันบอกเลยว่า ดีกว่ายุโรปอีก
ตลาดเพชรพลอย (Diamond Market) แอฟริกาใต้เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้มีการพัฒนาแล้ว เนื่องจากความพร้อมทั้งในด้านแหล่งวัตถุดิบไม่ว่าจะเป็นเพชร ทองคำ แพลตตินั่ม เงิน และหินมีค่าต่างๆ รวมถึงบุคลากรที่มีความชำนาญการด้านเทคนิคและการออกแบบ และแรงงานที่มีประสบการณ์ ตลอดจนการผลิตที่มีตั้งแต่สินค้าทีได้รับการออกแบบพิเศษ ตามความต้องการของลูกค้า และสินค้าพื้นเมืองเขาสัตว์ฺ เขี้ยวสัตว์ กะโหลกสัตว์ สัตว์สต๊าฟ
เดินไปเดินมาเจอ ชุดชั้นใน แบบเอฟริกา ซื้อซิครับ อยากใส่ 55 น่าจะเย็นดี
สนาม Soccer City ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ความจุ 94,700 ที่นั่ง เริ่มก่อสร้าง ปี 1986 (พ.ศ. 2529) เริ่มเปิดใช้ ปี 1989 (พ.ศ. 2532) ปรับปรุงแล้วเสร็จอีกครั้ง ปี 2009 (พ.ศ 2552) ทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ สถาปัตยกรรมผู้ออกแบบ บูเกิจแมนและคณะ สังเวียนนี้จะใช้เป็นที่บดแข้งกันในนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่จัดขึ้นที่แอฟริกาใต้ในปี 2010
เดินทางสู่ โกลด์ ลีฟ ซิตี้ เมืองจำลองของโจฮันเนสเบิร์กในช่วงยุคขุดทอง แต่ก่อนจะไปชมเหมืองทอง ก็ทานอาหารก่อนครับ ร้านหรูหรา สไตล์ ยุโรป
ถึงซะที ร้านอาหารเดินไกลมาก แต่คุ้มครับ
ทานเสร็จเราก็ลงไปชมเหมืองกันครับ
ในเหมืองนี้จะคงสภาพทุกอย่าง เหมือนในสมัยก่อนที่มีการทำเหมืองทอง แม้แต่ บ้านพักของเจ้าหน้าที่
ด้านล่างจะมีสถานีที่เจ้าหน้าที่ได้จัดเอาไว้อยู่ 7-8 สถานี จะมีไกด์คอยอธิบายตามจุดต่างๆ หุ่นจำลองการทำงานของคนงานเหมืองในอดีตที่ต้องทำงานตลอดสัปดาห์เสี่ยงกับอันตรายต่างๆโดยไม่ได้ออกมาดูโลกภายนอก
หลังจากนั้นเราก็จะได้ไปดูวิธีการหลอมทองและภาพยนตร์อีกนิดหน่อย เหมืองทองนี้อยู่ลึกมากต้องลงลิฟท์ไป และข้างล่างอากาศหนาวมากกกก
ดูวิธีทำการหล่อทองคำอันน่าตื่นตาตื่นใจ
รูปเยอะหน่อยครับ แต่ก็น่าตื่นตาครับ คราวนี้มาดูบรรยากาศ รวมๆของบ้านเมืองเค้าผมว่า ok มากครับ
เดินทางสู่ Nelson Mandala Square เป็นแหล่งรวมอาหารพื้นเมืองขนาดใหญ่นอกเมืองโจฮันเนสเบิร์ก เเละห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต ละลานตากันเลยครับ
ทิ้งทวนมื้อสุดท้าย ที่โจฮันเนสเบิร์ก ครับ พรุ่งนี้เช้าเราจะเดินทางไปเมืองเคปทาวน์ สวรรค์บนดิน เมืองที่ทุกๆคนอยากมาเยือน มื้อนี้เป็นอาหารไทยครับ แต่ถ้ากินเมนูพวกนี้ที่ประเทศไทย น่าจะหร่อยกว่า 55
สวยงามมากๆค่ะ อยากไปมั่งค่ะ
รีวิวได้ดีมากๆ เลยค่ะ รูปสวยทุกรูป กำลังจะไป เดือนมีนาที่จะถึงค่ะ