こんにちはคอนนิจิวะ…☀☁☂ ❝ญี่ปุ่น…วันเดียวก็เที่ยวได้❞ เที่ยวเองงบหลักพันเท่านั้นเองทู๊กคนนนน~
>>>เคยมีใครคิดมั้ย ว่าบางครั้งอยากจะหนีจากโลกเดิมๆ หนีจากชีวิตที่แสนจะ Routine ไปซักวันสองวัน
>>>เคยมีใครคิดมั้ย ว่าอยากจองตั๋วเครื่องบินไปประเทศใดประเทศนึงซะเดี๋ยวนี้ ไปหาของอร่อยกิน ช้อปปิ้ง เดินเที่ยวโง่ๆซัก 1 วัน เพื่อชาร์จพลังกลับมาทำงานที่เรารักต่อไป~
>>>และใครจะคิด ว่ามันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไปค่ะ มัน Possible และดีมากกก❤
✔แอดมินตัดสินใจลองลางาน ขอเป็น Nihonjin ซัก 1 วัน เพื่อไปเดินเล่น กินเที่ยว ชมเมือง ซึมซับบรรยากาศของแดนปลาดิบ กลมกลืนไปกับวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์สุดๆ
✔และเมืองที่แอดมินเลือกไป นั่นก็คือ Osaka โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น จุดหมายปลายทางฮอตฮิต เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสันของสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ครบจัดเต็มทั้งสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และแหล่งช้อปปิ้งไม่แพ้โตเกียวเลยค่ะ แถมยังมีร้านอาหารท้องถิ่นเด็ดๆให้เลือกชิมมากมายเต็มไปหมดเล้ยย~
หนึ่งวันมันจะพอยังไง?
ใครยังไม่ดูรีวิวนี้ อาจจะคิดว่ามันไม่พอ เพราะฉะนั้นเนี่ย ขอแจกแพลนเที่ยวโอซาก้า 1 วันกันตรงนี้เลย! เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าและอิ่มมาก 555 ….
-จองตั๋วเครื่องบินผ่าน UnithaiTrip ได้ราคาพิเศษสุดๆ ไป-กลับ โอซาก้า เพียง 4,888 บาทเท่านั้น! รวมภาษีแล้วด้วย นี่เป็นเหตุผลที่แอดมินไม่ต้องคิดเยอะเลยจ้า ไปกลับญี่ปุ่นไม่ถึง 5,000 บ้าไปแว้ววว จองไม่คิดชีวิตเล้ย
-แถมยังได้บินด้วยสายการบิน NokScoot Boeing 777-200 เครื่องใหญ่ ที่นั่งกว้าง ไม่อึดอัด พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสวยน่ารัก บริการดี ประทับใจ
-พิเศษแล้วพิเศษอีก ได้ส่วนลด 10% สำหรับเข้า MiracleLounge ที่ดอนเมืองด้วยนะคะ
-พิเศษต่อที่ 3 ได้ส่วนลดจอง Samuraiwifi ด้วย
อย่าเอ้ะอย่าอ้ะ อย่าลังเล คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ววว Add Line @UnithaiTripไปสอบถามดูได้ ไม่ได้โม้จริงๆนะ
– เริ่มต้นด้วยย่าน Namba จาก KIX
– ตะลุยอาหารญี่ปุ่น อาหารทะเลสดๆ ที่ ตลาดปลา Kuromon
– ลองยะกิโซบะจานยักษ์ที่ร้าน Yokozuna Namba honkan
– สร้างแลนด์มาร์คที่ Dontonbori
– ช้อปปิ้งเบาๆที่ Shinsaibashi
– เดินเล่นย่านเด็กแนว America Mura
– ชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ที่ Osaka Castle
– เดินเล่น ผ่อนคลายที่สวน Osaka Castle Park
– Do what Japanese Do ที่ย่าน Umeda
– หาของอร่อยทานแบบ Local ตามรอยคนญี่ปุ่นที่ YodobashiUmeda
– เปิดมิติใหม่แห่งการพักผ่อน พร้อมทำกิจกรรมมากมายที่ Internet Cafe
เอาหล่ะ เรามาเริ่มกันที่การเตรียมตัวเที่ยวแบบไฟไหม้ๆกันเลย
1. Passport ต้องพร้อม มีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือนนะคะ
2. แลกเงิน YEN ( JPY) ไว้เลยค่ะ
3. จอง pocket wifi เลยค่ะ แอดมินแนะนำ Samuraiwifi สัญญาณโอเค ไม่หลุด และแบตอึด ถึก ทนมาก อยู่ได้ทั้งวันไม่ต้องชาร์จเพิ่ม
4. กล้องถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์ ชาร์จไฟให้เต็ม มีแบตกี่ก้อน เอาไปให้หมดค่ะ
5. Universal Plug เผื่อใช้แปลงหัวเสียบ ( IPHONE ใช้ได้เลยนะคะ ไม่ต้องแปลง )
6. ที่ญี่ปุ่นรองรับกระแสไฟแค่ 110 V เท่านั้นค่ะ เครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างที่ไทยจะใช้ไม่ได้ เช่นเครื่องหนีบผม แต่ไปวันเดียวไม่ต้องเอาไปเน้อ
7. ดูพยากรณ์อากาศ หนาวมั้ย หรือเย็นสบาย สำหรับ Fitting เสื้อผ้าค่ะ
8. อุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า และเสื้อผ้าสำรองซัก 1ชุด
เอาหล่ะ เตรียมของกันเสร็จแล้วก็ไปกันเลยค่ะ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น จุดหมายปลายทางฮอตฮิต เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยสีสั
หลังจากนั้นก็เก็บกระเป๋า เรียกแท็กซี่ไปสนามบินดอนเม
MIRACLE LOUNGE International เลานจ์หรูโซนใหม่ในสนามบินด
เลานจ์ที่นี่ ใช้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่และ
ที่นั่งในเลานจ์จะมีฉากกั้น
สำหรับอาหาร ที่เลานจ์จะมีให้บริการทั้ง
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มแ
หลังจากทานอาหารและนั่งพักผ
- รถไฟ
สนามบินคันไซจะมีรถไฟให้บริการอยู่ 2 เจ้าหลักคือของรัฐบาล JR และเอกชน Nankai ซึ่งอยู่ในอาคารเดียวกัน ติดกัน โดยจะแยกทางเข้าออกกันอย่าง ชัดเจน เป็นคนละสีคือ สีน้ำเงินเป็น JR และ สีส้มเป็น Nankai โดยแอดมินขอแนะนำสำหรับทริป นี้คือ เดินทางด้วย รถไฟด่วนพิเศษ Nankai Airport Express ซึ่งจะเป็นรถไฟแบบด่วนธรรมด า จอดหลายสถานีที่ผ่าน จึงใช้เวลานานกว่า แต่ราคาถูกกว่าด้วยเช่นกัน จากสนามบินคันไซ ไปที่สถานีรถไฟ Namba หรือตัวเมืองโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ราคาประมาณ 920 เยนค่ะ
- Airport Limousine bus ซึ่งแอดมินไม่แนะนำเท่าไหร่
สำหรับทริปวันเดียวเพราะ…
1.วิธีนี้เหมาะกับคนมีของเยอะ, ไม่อยากเดินไกลๆ หรือพักโรงแรมที่รถบัสผ่าน เพราะถ้านั่งรถไฟก็ต้องเดิน ลากกระเป๋าขึ้นลงบันได จะไม่สะดวก
2.ใช้เวลานานกว่ารถไฟ ถ้าเจอจราจรติดขัด จะควบคุมเวลาได้ยาก
3.ราคาประมาณ 1,300 เยน ซึ่งแพงกว่ารถไฟค่ะ อิอิ - Taxi สะดวกดี แต่แพง ตัดไปค่ะ 55555
เดินตามป้ายจากในสนามบินมาก
จากสนามบินคันไซมาถึง Namba Station ก็มองหาห้องน้ำ เพื่อล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนชุดนิดนึง รู้สึก Freshขึ้นมาเยอะเลย พร้อมลุย!
หลังจากนั้นก็หา Locker เพื่อเก็บสัมภาระบางส่วนที่
จากสถานี Namba สามารถเดินเล่นย่านนี้ และเดินไปตลาดปลาได้เลยค่ะ ไม่ไกล
ถึงแล้วววว ตลาดปลา Kuromon สถานที่ที่เต็มไปด้วยอาหารญ
ที่แนะนำให้โดน ก็คือ ซาชิมิ ซูชิ หอยนางรม หอยเชลล์ หอยแครงใหญ่มากกก ใหญ่แบบไม่เคยเจอที่ไทยมาก่
เดี๋ยวววว นี่แค่มื้อแรกนะเนี่ยยย ใครมาโอซาก้า เตรียมเคลียร์ท้องมาด้วยนะ 555
ต่อด้วยย่านเด็ดย่านดัง สุดยอด Landmark ของโอซาก้า ย่านโดทงโบรินั่นเองค่ะ ทุกท่านสามารถเดินมาจากตลาด
ขอจัด Kinryu Ramen ราเมนมังกรที่ฮิตมากซักหน่อ
ชิมมันปู KaniDoraku ฟินนนนนน ♟https://goo.gl/maps/
ทาโกะยากิเจ้าดังต้องต่อคิว
♟https://goo.gl/maps/
ร้านขนมหวาน Honey Toast Pasela (น่ากินมากกกก อันนี้คราวหน้าเราต้องมาจัด
ป้ายกูลิโกะที่มองเห็นได้จ
ลัดเลาะมาซอย ชินไซบาชิ ซอยนี้ไม่ธรรมดา ยาวร่วม 600 เมตร มาที่นี่อยากได้อะไร รับรองว่าหาเจอค่ะ ทั้งร้านขายเสื้อผ้า ของแบรนด์เนม ร้านขายเครื่องสำอาง รวมถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยว
ลัดเลาะมาซอย ชินไซบาชิ ซอยนี้ไม่ธรรมดา ยาวร่วม 600 เมตร มาที่นี่อยากได้อะไร รับรองว่าหาเจอค่ะ ทั้งร้านขายเสื้อผ้า ของแบรนด์เนม ร้านขายเครื่องสำอาง รวมถึงมีจำนวนนักท่องเที่ยว
ที่พลาดไม่ได้ อย่าลืมแวะทานไอศกรีม Creamia ที่ร้าน Excelsior Caffe อร่อยมากกกก กอไก่ล้านตัว
ขอสรุปงบประมาณให้ฟะงน๊าา เพราะแค่หลักพัน
• ตั๋วเครื่องบิน : 4,888 THB
• ค่าเดินทางในประเทศญี่ปุ่น : 744 THB ( 2,480 JPY)
• ค่าอาหาร : 1,440 THB ( 4,800 JPY)
• ค่า Internet Cafe : 630 THB ( 2,100 JPY )
Total = 7,702 THB/คน เท่านั้นเอง