Posted on

8 เมืองสวยดั่งเทพนิยาย

โลกของเทพนิยาย ใครๆต่างก็ชอบกันใช่ไหมละคะ โลกแห่งจินตการที่สามารถแต่งเติมความฝันของเราลงไปได้แต่สถานที่สวยงามดั่งเทพนิยายไม่ได้มีแค่ในนิยายเท่านั้น แต่กลับมีในโลกใบนี้ด้วยค่ะ

โลกของเทพนิยาย ใครๆต่างก็ชอบกันใช่ไหมละคะ โลกแห่งจินตการที่สามารถแต่งเติมความฝันของเราลงไปได้แต่สถานที่สวยงามดั่งเทพนิยายไม่ได้มีแค่ในนิยายเท่านั้น แต่กลับมีในโลกใบนี้ด้วยค่ะ

  • Shirakawago ประเทศญี่ปุ่น

หมู่บ้านมรดกโลก อย่าง ชิราคาวาโกะ (Shirakawago) เป็นหมู่บ้านชาวนาที่มีรูปร่างแปลกตาติดอันดับ the most beautiful village in Japan และ เป็นเมืองมรดกโลกที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นหมู่บ้านแบบกัชโชสึคุริ เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มี อายุมากกว่า 250 ปี
คำว่า“กัชโช” มีความหมายว่า “พนมมือ” ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวที่ทำมุม 60 องศาคล้ายสองมือประนม ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตรกว้าง 10 เมตรทั้งหลังถูกสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูต่อมาในปี 1995 องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนให้ชิราคาวาโกะเป็นมรดกโลก


  • Cappadocia ประเทศตุรกี

ถ้าเรียกแบบตุรกีก็ คัมปาโดเกีย เมืองมรดกโลกยูเนสโกในประเทศตรุกี ที่เลืองชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะการได้ขึ้นบอลลูนล่องลอยไปบนท้องฟ้า ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่แคปพาโดเชีย อยู่ตอนกลางของประเทศตุรกี ในส่วนของภูมิภาคอานาโตเลียและรอบล้อมไปด้วยภูเขาหิน ซึ่งภูมิศาสตร์ที่นี่จะค่อนข้างแล้ง แต่การล่องบอลลูนบนท้องฟ้าที่นั้น จะมีภสพที่สวยงามน่าจดจำมากเลยค่ะ


  • Cesky Krumlov สาธารณรัฐเช็ก

ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากปรากไป 180 กิโลเมตร เป็นเมืองโบราณในยุคกลางเล็กๆ น่ารัก เป็นมรดกโลก ไข่มุกแห่งโบฮีเบีย และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต เป็นเมืองในฝันของใครหลายคน มีปราสาทเชสกี้ครุมลอฟ ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากปราสาทกรุงปราก และหน้าปราสาทมีหอคอยทรงกลมที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม

จุดโดดเด่นของเมืองนี้ คือมีแม่น้ำวลาทาวาไหลผ่านและล้อมรอบเมืองในลักษณะงอโค้งเป็นคุ้ง ไปตามเนินเขา คดเคี้ยวเหมือนรูปตัว S จนทำให้ภูมิทัศน์ของตัวเมือง เหมือนกับหยดน้ำที่กำลังจะร่วงหล่นจากขั้ว
นอกจากนี้บ้านเรือนทุกหลังใช้หลังคาสีส้มแดง ทำให้เมื่อมองจากมุมสูง จะเกิดภาพที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์มากถ้าได้ไปเยือนที่นี่เหมือนเราหลุดเข้าไปในเทพนิยายเลยนะคะ


  • Colmer ประเทศฝรั่งเศส

เมืองกอลมาร์เป็นเมืองหลวงของจังหวัดโอ-แร็งในแคว้นอาลซัสในประเทศฝรั่งเศส เมืองกอลมาร์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเมืองกอลมาร์ตั้งอยู่บน “เส้นทางไวน์ของอาลซัส” และได้ชื่อว่าเป็น “capitale des vins d’Alsace” (เมืองหลวงแห่งไวน์แห่งอาลซัส)ด้วยสถาปัตยกรรมบ้านที่แตกต่างไปจากเมืองชื่อดังอื่นๆ ในฝรั่งเศส

ด้วยความที่แคว้นอัลซาสอยู่ขอบชายแดนระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนี ทำให้ตัวเมืองถึงแม้จะอยู่ในเขตแดนฝรั่งเศส แต่บ้านเรือนเป็นแบบ Timber Frame หรือลักษณะแบบไม้ไขว้กันที่ได้รับอิทธิพลมาจากฝั่งเยอรมันแบบเต็มๆ คงไว้ซึ่งความเก่าแก่แบบดั้งเดิม แทบไม่ต่างจากที่เราเห็นใน ภาพยนตร์ Beauty and the Beast ของดิสนีย์ นั่นเองค่ะ


  • Giethoorn กีโธร์น ประเทศเนเธอร์แลนด์

เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Zwolle และ Steenwijk ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยได้รับฉายาว่าเป็นหมู่บ้านไร้ถนน เพราะผู้คนที่นี่จะสัญจรกันทางเรือ จึงมีคูคลองเล็ก ๆ ลัดเลาะอยู่รอบหมู่บ้าน บ้านทุกหลังก็จะมีเรือเป็นพาหนะประจำครัวเรือนนั่นเอง
คนที่นี่ ส่วนมากมีอาชีพเป็นชาวไร่ ฐานะค่อนข้างดี มีฟาร์มเป็นของตัวเอง บ้านแต่ละหลังถูกออกแบบให้เป็นกระท่อมสไตล์ตะวันตกมีความโดดเด่นสวยงาม ในช่วงฤดูใบไม้ผลิคาบเกี่ยวกับฤดูร้อน ถือเป็นช่วงเวลาที่พีคที่สุดในการมาท่องเที่ยวหมู่บ้านแห่งนี้ เพราะจะได้ล่องเรือชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามภายในหมู่บ้าน อากาศกำลังดี รวมถึงได้รื่นรมย์กับดอกไม้ที่ผลิบานสะพรั่งต้อนรับผู้มาเยือน


  • Venice ประเทศอิตาลี

“เมืองแห่งสายน้ำ” (The City of Water) ที่มีคลองสำหรับใช้สัญจรแทนถนนมากกว่า 150 สาย และมีเรือกอนโดลา สุดยอดแห่งความโรแมนติก
อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งศิลปวัฒนธรรม และดนตรี ผู้คนทั่วโลกรู้จักที่นี่ และเชื่อสิว่าใฝ่ฝันอยากมาเทียวสักครั้งในชีวิต


  • Seljalandsfoss Falls ประเทศไอซ์แลนด์

น้ำตกเซลยาลันส์ฟอส ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเซลฟอส (Selfoss) กับเมืองสโคคาร์ฟอสส์ (Skogafoss) ค่ะ เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศไอซ์แลนด์ ชนิดที่ว่า แทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของไอซ์แลนด์เลยล่ะค่า เพราะที่นี่มีความสวยงาม สูงประมาณ 60 เมตร เมื่อสายน้ำจากด้านบนทไหลลงมาปะทะกับผืนน้ำด้านล่าง ทำให้เกิดละอองน้ำบางๆ ฟุ้งกระจายไปทั่ว นับเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายจริงๆ


  • Nuuk ประเทศกรีนแลนด์

หรือ กอตฮอบ (เดนมาร์ก: Godthåb) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝั่งตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์
อากาศที่นี่ประมาณ -15 องศา มีพระอาทิตย์โผล่วันละสามสี่ชั่วโมง บ้านสีสดๆที่เคยเห็นก็หายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน รอบตัวมีแต่สีขาว ทั้งอันตรายทั้งมหัศจรรย์