Posted on

Aurora มหัศจรรย์แสงเหนือ ต้องไปดูที่ไหน?

แสงเหนือ หรือ ออโรรา (Aurora) ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่มีแสงเรืองๆ สีสวย เป็นแถบสีต่างๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสุด Unseen เหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความฝันที่บอกเลยว่าครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปชมและสัมผัสให้ได้! การไปเที่ยวเพื่อตามหาแสงเหนือจะฟินขนาดไหน ไปดูกันเลยว่าเราสามารถไปล่าแสงเหนือที่ประเทศไหนได้บ้าง!

หลายเคยได้ยินคำว่าแสงเหนือ และอยากจะไปตามล่าแสงเหนือกัน แต่ไม่รู้ว่าแสงเหนือเกิดจากอะไรและเกิดขึ้นได้ที่ไหนบ้าง วันนี้แอดพามารู้จักแสงเหนือกัน “แสงเหนือ หรือ ออโรร่า (Aurora)” เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะมีแสงเรือง ๆ สีสวย เป็นแถบสีต่าง ๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยจะปรากฏให้เห็นในบริเวณแถบขั้วโลก โดย ‘แสงเหนือ’ นั้นเกิดจากการชนกันระหว่างก๊าซในชั้นบรรยากาศโลก กับอนุภาคไฟฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อให้เกิดการระเบิดเป็นลำแสงสีต่างๆ กันออกไปนั่นเอง และเราสามารถไปดูได้ที่ประเทศไหนบ้าง ไปดูเลย!

1. ประเทศรัสเซีย Russia

รัสเซีย คือจุดที่จะมีโอกาสที่จะได้พบกับ “แสงเหนือ” อย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองมูรมานสก์ (Murmansk) ซึ่งนอกจากจะไปล่าแสงเหนือแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นขับ Snow Mobile ลุยหิมะ นั่งรถลากเลื่อน หรือตกปลาน้ำแข็ง บอกเลยว่าเก็บครบทุกกิจกรรม และช่วงเวลาที่เหมาะกับการดูแสงเหนือคือ เดือนกันยายน-เดือนมีนาคม คนไทยสามารถท่องเที่ยวได้ถึง 30 วัน แบบไม่ต้องขอวีซ่าได้เลย!

2. ประเทศฟินแลนด์ Finland

เป็นอีกหนึ่งประเทศยอดฮิตสำหรับชาวล่าแสงเหนือ จุดที่เป็นที่นิยมเลยนั่นก็คือ แลปแลนด์ (Lapland) มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การเที่ยวในหมู่บ้านซานตาคลอส การนั่งรถเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์ หรือ ขับเคลื่อนสุนัขลากเลื่อน Husky Safari หรือจะเป็นการล่องเรือ SAMPO Icebreaker เรือตัดน้ำแข็งที่โด่งดังที่สุดในโลก เป็นต้นสำหรับช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมแสงเหนือมากที่สุดคือ ช่วงปลายเดือนสิงหาคม – เมษายน เรียกได้ว่ามีเวลาให้เที่ยวกันยาว ๆ ไปเลยยยย

3. ประเทศสวีเดน Sweden

เป็นประเทศที่มีภูมิประเทศสวยที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย และได้ขึ้นชื่อว่า “เป็นจุดชมแสงเหนือที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง” โดยเฉพาะ Torneträsk Lake” ทะเลสาบที่มีความยาวกว่า 70 กม. ใกล้ ๆ กับอุทยานแห่งชาติอาบิสโก้ ที่มีท้องฟ้าโปร่ง ๆ เหมาะสำหรับการชมแสงเหนือเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมาะกับในช่วงเดือนกันยายน – มีนาคมที่สุด

4. ประเทศนอร์เวย์ Norway

อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยม มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี จุดยอดนิยมคือ เมืองทรอมโซ (Tromso) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่โด่งดังเรื่องการเดินทางมาชมพระอาทิตย์เที่ยงคืนและแสงเหนือ นอกจากนี้ยังมีทางเลือกมากกว่าที่อื่นคือการนั่งเรือไปรอบๆ ชายฝั่ง ด้วยเรือ “Hurtigruten” อีกด้วย แนะนำให้ไปดูแสงเหนือในช่วงเดือนกันยายน – มีนาคม เป็นช่วงที่ฟ้าปลอดโปร่ง

5. ประเทศไอซ์แลนด์ Iceland

ในช่วงฤดูหนาวเราจะสามารถมองเห็นแสงเหนือได้แทบทุกที่ในประเทศไอซ์แลนด์ รับรองความฟินระดับ 10 ไม่ว่าจะเป็น เมืองเรคจาวิค (Reykjavik) นอกจากเมืองหลวงแล้ว ทางตอนเหนือแถบ Westfjords และทางตอนใต้แถบ JökulsárlönGlacier Lagoon  รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติซิงเควลลีร์ (Thingvellir National Park) เป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาและถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกก็ถือเป็นจุดชมแสงเหนือที่สวยงามอีกเช่นกัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมแสงเหนือมากที่สุดคือช่วงเดือนตุลาคม – มีนาคม เป็นช่วงที่กลางคืนยาวนานสามารถมองเห็นแสงออโรร่าเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน

6. ประเทศกรีนแลนด์ Greenland

เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุด ภูมิประเทศส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ มีบรรยากาศค่อนข้างที่จะเงียบสงบและผ่อนคลาย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมแสงเหนือก็จะอยู่ที่เขต Kangerlussuaq เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางฝั่งตะวันตกของเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งจะมีวิวที่สวยงามและสามารถมองเห็นแสงเหนือได้อย่างชัดเจน  หรือ Lake Auroraเมือง Ilulissat Town เหมาะกับในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเย็นมากที่สุดและมีความมืดยาวนาน

7. ประเทศอเมริกา America

จะพบได้ที่ เมืองแฟร์แบงค์ (Fairbanks) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ในรัฐอลาสกา (Alaska) เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปล่าแสงเหนือกันที่นั่น ทั้งในช่วงเวลากลางวันก็จะได้เห็นภูเขาสีขาวโพลนที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเป็นภาพทิวทัศน์ที่สวยงามไม่แพ้แสงเหนือ เหมาะที่จะไปในช่วงเดือนกันยายน – เมษายน  

8. ประเทศแคนาดา Canada

มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี หลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้ว่าแคนาดาก็สามารถมองเห็นแสงเหนือได้ ประเทศนี้ถือว่าเป็นสวรรค์แห่งการชมแสงเหนือเลย เราสามารถเห็นแสงออโรราได้อย่างชัดเจนทอดไกลถึงชายแดนอเมริกา เช่น เมืองทุนดรา (Tundra) และเมืองออนทาริโอ (Ontario) บริเวณรอบทะเลสาบ Prosperous ในเมืองเยลโลไนฟ์ รวมไปถึงในอุทยานแห่งชาติ Wood Buffalo และ Jasper  เหมาะในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม เรียกได้ว่าคุ้มค่าสุด ๆ

9. ประเทศเดนมาร์ก Denmark

สามารถพบเห็นแสงเหนือได้ แต่ในบางช่วงสภาพอากาศอาจจะไม่เอื้ออำนวยหรือมีพายุเข้า แต่เรายังสามารถเห็นแสงเหนือได้ที่หมู่เกาะแฟโร (Faroe) ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก และกรีนเนนที่จะได้เจอกับแสงเหนือสวยๆโดนใจ โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนสิงหาคม – ปลายเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ท้องฟ้ามืดและมีเมฆน้อย แต่ยังไงก่อนการเดินทางต้องเช็คสภาพอากาศกันด้วยนะคะเพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสในการเจอกับแสงเหนือสวย ๆ

10. ประเทศสก็อตแลนด์ Scotland

ประเทศเล็ก ๆ ในทวีปยุโรป ถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอังกฤษแต่ที่ขึ้นชื่อเรื่องพายุ หมอก และเมฆ เพราะอยู่ใกล้กับทะเล อาจมีลมทำให้ท้องฟ้าปิดได้ ถ้าวันไหนท้องฟ้าปลอดโปร่งอากาศดี ๆ เราก็สามารถไปชมแสงเหนือกันได้ที่ เมืองแอเบอร์ดีน (Aberdeen) ที่ได้รับฉายาว่าเป็น เมืองแห่งดอกกุหลาบ, เกาะ Isle of Skye, Northern Highlands และประภาคาร Dunnet Head ที่คาบสมุทรดันเนตเฮดซึ่งเหมาะกับในช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ นั่นเอง

บอกเลยว่า ล่าแสงเหนือที่ต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิต! ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แสนจะงดงาม เหมือนอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน กับอากาศหนาวๆ วิวดีๆ บอกเลยว่าฟินแน่นอน!! แต่ๆๆๆ อย่าลืม!เช็คสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาสในการเจอแสงเหนือ

รวมทัวร์ล่าแสงเหนือ ->  CLICK

สนใจ / สอบถามทัวร์ ได้ที่..
▪️ Line กด -> https://lin.ee/5nDHUO6
▪️ inbox ก็ได้เช่นกัน -> m.me/unithaitrip
☎️ 02-234-5936 กด 1
☎️ 02-632-6882 กด 1
☎️ 091-154-9999 กด 1

🔺ติดต่อแผนก Unithai Big Group รับจัดกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปบริษัท กรุ๊ปดีลเลอร์
▪️ Line กด -> CLICK
หรือแอดไลน์ @unithaibiggroup
☎️02-234-5936
☎️02-632-6882
กดได้ตั้งแต่ 201-210 (ทุกวัน จ.-ศ. เวลา 09.00-18.00 น. )
☎️091-154-9999 (กด 2) (ทุกวัน จ.-อา. เวลา 09.00.-20.00 น.)
**ขอความกรุณาติดต่อเฉพาะการจัดกรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปเหมา เท่านั้น ไม่สามารถจองทัวร์หน้าร้านได้