ตุรเคีย เมืองแห่งมรดกโลก หรือที่หลายคนขนานนามว่าเป็นดินแดนสองทวีปที่มีอารายธรรม ประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานทั้งทางธรรมชาติศิลปะวัฒนธรรม เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้ที่ใดในโลก โดยเฉพาะความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย วันนี้เราเลยจะพาไปดินแดนไก่งวงกัน ว่ามีสถานที่ใดน่าสนใจบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาดูกัน
“ตุรเคีย” มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศที่มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งสองทวีป จึงได้ฉายาว่า ”ดินแดนแห่งสองทวีป” โดยพื้นที่ส่วนใหญ่นั้นตั้งอยู่ในทวีปเอเชียตะวันตก และอีกส่วนตั้งอยู่ในทวีปยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทำให้ตุรเคียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประวัตติศาสตร์มากมาย
วันนี้เราเลยรวบรวม 8 สถานที่อันทรงคุณค่า ที่ใครไปตุรเคียต้องห้ามพลาด บอกเลยว่าแต่ละที่นั้นงดงามมาก ๆ จะมีที่ไหนบ้างมาเริ่มกันที่แรกเลย
1. มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque)
มัสยิดสีน้ำเงิน หรือเรียกอีกชื่อว่า สุเหร่าสุลต่านอาห์เมตที่ 1 สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1609 -1616 เพื่อต้องการเอาชนะวิหารเซนต์โซเฟียของศาสนาคริสต์ เนื่องจากวิหารเซนต์โซเฟียนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางในสมัยนั้น ทำให้สุลต่านหลายพระองค์พยายามสร้างมัสยิดของตนให้ใหญ่กว่าแทบทุกยุคทุกสมัย แต่ก็ไม่มีไม่มีใครทำได้สำเร็จ มีเพียงสุลต่านอาห์เมตที่ 1 และเมห์เมตอาอา สถาปนิกผู้ออกแบบที่สามารถทำได้ จึงออกแบบให้มีขนาดใหญ่และอลังการกว่าวิหารเซนต์โซเฟียได้ในที่สุด
2. หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus)
หอสมุดเซลซุส ตั้งอยู่ที่เมืองเอฟฟิซุส มีลักษณะเป็นอาคาร 2 ชั้น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 114 – 117 โดยดิเบริอุส จูลิอุส อาควิลา เพื่ออุทิศให้กับผู้เป็นบิดา โดยฝังโลงศพหินเอาไว้ที่ใต้หอสมุดแห่งนี้ ซึ่งต่อมากลายเป็นงานสถาปัตยกรรมอันเลืองชื่อในคริสต์ศตวรรษนั้น ทั้งโดดเด่นไปด้วยศิลปะแบบ “เฮลเลนนิสติก” อันเป็นยุคทองของงานศิลปะวิทยากรของกรีก และยังเป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกอีกด้วย
3. พระราชวังโทพคาปี (Topkapı Palace)
พระราชวังโทพคาปี คือพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในนครอิสตันบูล เริ่มสร้างครั้งแรกในปี ค.ศ. 1459 ตามพระราชโองการของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 หลังจากที่ทรงพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ได้ เมื่อก่อนเป็นที่ประทับหลักของสุลต่านแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ระหว่างปี ค.ศ. 1465 จนถึงปี ค.ศ. 1853 ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดงานรับรองของรัฐบาล และเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นที่เก็บรักษาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิมไว้ เช่น เสื้อคลุม และดาบของมุฮัมมัด
4. นครโบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis)
นครโบราณเฮียราโพลิส สร้างมาจากหินปูนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง ก่อสร้างขึ้นก่อนคริสตกาลในยุคของกษัตริย์ยูเมเนสที่ 2 แห่งอาณาจักรเพอร์กามอนสันนิษฐานกันว่ามีอายุกว่า 2,200 ปี โดยชื่อเมืองเฮียราโพลิส หมายถึง เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนครโบราณแล้วภายในเมืองโบราณมีสถานที่น่าสนใจอื่น ๆ อีก เช่น โรงอาบน้ำ โรงละคร วิหาร โบสถ์ ป้อมปราการ ตลาด แต่ไฮไลท์ของที่นี่คือโรงละครที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก จาก UNESCO เป็นที่เรียบร้อย
5. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ (Goreme Open Air)
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ ตั้งอยู่ในเป็นดินแดนเก่าแก่ที่มีอายุมากถึง 800 ล้านปีอย่างเมืองเกอเรเม่ มีลักษณะเป็นปล่องหินรูปทรงประหลาด หรือเรียกกันว่า “ปล่องนางฟ้า” ซึ่งเกิดจากลาวาของภูเขาไฟระเบิด และเกิดการทับถมกันมาหลายร้อยปี ต่อมาได้มีการตั้งถิ่นฐานของชาวคริสต์ยุคแรกในสมัยโรมัน เพื่อเป็นที่หลบภัยจากการถูกไล่ล่า ทำให้ตามปล่องต่างๆถูกเปลี่ยนเป็นที่อยู่อาศัย โบสถ์ และโรงเรียน ภายหลังได้คืนอิสระให้แก่คริสตชนทั้งหลาย ทำให้ผู้คนไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป ปัจจุบันเกอเรเม่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี 1985
6. เมืองใต้ดินเคย์มากลิ (Kaymakli Underground City)
เมืองใต้ดินเคย์มากลิ เป็นเมืองใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดเนฟเชียร์ โดยอยู่ห่างจากเกอเรเม่ไปประมาณ 25 กิโลเมตร ถูกสร้างขึ้นในช่วง 2,000 ปีมาแล้ว จากชาวเมืองที่ต้องการหนีพวกโรมันที่ต้องการฆ่าบ้างผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์เช่นเดียวกับเมืองเกอเรเม่ ต่อมาได้ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาที่ชาวเติร์กหรืออาณาจักรออตโตมันเริ่มรุกราน จนกลายเป็นเมืองใต้ดินที่มีขนาดใหญ่ซึ่งมีผู้คนอาศัยรวมกันถึง 10,000 – 12,000 คน เลยทีเดียว
7. หุบเขาแห่งเทพเจ้า (Mount Nemrut)
หุบเขาเทพเจ้าบนยอดเขาเนมรุต มีความสูงประมาณ 2,134 เมตร สันนิษฐานว่าสร้างโดยกษัตริย์แอนทิโอคัสที่ 1 เพื่อรวบรวมผู้คนและดินแดนต่าง ๆ เข้าด้วยกันเมื่อ 70 ปีก่อนคริสตกาล นอกจากนี้ในอดีตยังเป็นที่ตั้งของสุสานกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคมายานา ทำให้บริเวณพื้นที่แห่งนี้ยังมีซากปรักหักพังหลงเหลือให้เห็นอยู่ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าขนาดใหญ่ ทั้งเทพกรีก และเปอร์เซียจำนวนมาก ซึ่งในปี 1987 สถานที่แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO เป็นที่เรียบร้อยอีกเช่นกัน
8. สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Hagia Sophia)
สุเหร่าเซนต์โซเฟีย หรือที่เรียกอีกชื่อว่า โบสถ์ฮาเจีย เป็นสุเหร่าขนาดใหญ่ มีสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ ภายในมีความสวยงามวิจิตรเป็นอย่างมาก โดยอดีตเคยเป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าจักรพรรดิ์คอนสแตนติน ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 แต่โบสถ์แห่งนี้ก็ถูกทำลายอยู่หลายครั้ง เพราะขัดแย้งในเรื่องของศาสนา แต่ในที่สุดก็เสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 537 และต่อมาถูกเปลี่ยนให้เป็นมัสยิด จนถึงปี ค.ศ.1935 ศาสนสถานแห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงศิลปกรรมโบราณ และปัจจุบันในปี 2020 สุเหร่าเซนต์โซเฟียก็ได้กลับไปเป็นมัสยิดอีกครั้ง แต่เปิดให้เข้าชมได้
ใครชอบท่องเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ หรือใครที่อยากชมความงดงามของสถาปัตยกรรมที่สวยงามของในอดีตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ แม้ว่าจะอยู่ในลักษณะที่ไม่สมบูรณ์แต่กลับมีความสวยงามแปลกตาเหมือน 8 สถานที่ในตุรเคียที่เรารวบรวมมาให้ บอกเลยว่าถ้าใครได้ไปตุรเคียมาครั้งหนึ่งแล้วต้องติดใจแน่นอน หากสนใจอยากเดินทางไปดินแดนสองทวีปแห่งนี้ ยูนิไทยพาไปได้นะ
รวมทัวร์ตุรเคีย-> Cilck
สนใจ / สอบถามทัวร์อื่น ๆ ได้ที่..
▪️ Line กด -> CLICK
▪️ inbox ก็ได้เช่นกัน -> m.me/unithaitrip
☎️ 02-234-5936 กด 1
☎️ 02-632-6882 กด 1
☎️ 091-154-9999 กด 1
🔺ติดต่อแผนกจัดกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปบริษัท
▪️ Line กด -> CLICK
หรือแอดไลน์ @unithaibiggroup
☎️02-234-5936
☎️02-632-6882
กดได้ตั้งแต่ 201-208
**ขอความกรุณาติดต่อเฉพาะการจัดกรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปเหมา เท่านั้น ไม่สามารถจองทัวร์หน้าร้านได้