Posted on 1 Comment

5 บูชาสถานต้องไปของพม่าที่ต้องไปให้ได้

เมื่อพูดถึงพม่า หลายๆคนก็คงคิดถึงความเป็นเมืองเเห่งพระพุทธศาสนา พระมหาเจดีย์ที่ศักดิ์สิทธิ์เเละมีชื่อเสียง แต่ก่อนที่เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับมหาเจดีย์ที่ขึ้นชื่อ ต้องขอเล่าก่อนว่า ในสมัยก่อนนั้นประเทศพม่าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่นับถือผีสางนางไม้เหมือนชนชาติอื่นๆ ซึ่งผีสาง นางไม้ที่พม่านับถือนั้น จะเรียกว่า นัต นัตเป็นทั้งพระภูมิเจ้าที่ เทพยาดาธรรมชาติ ผีดิน ผีฝน ผีลม ตลอดจนเจ้าป่าเจ้าเขา

ต่อมาพม่าก็ได้รับเอาพุทธศาสนาเข้ามา ในศตวรรษที่ 6  เพราะ ได้พบหลักฐานเป็นคำจารึกภาษาบาลี นัก ประวัติศาสตร์ให้ความเห็นว่า พระพุทธศาสนาแบบเถรวาทได้ เข้ามาสู่เมือง พม่า ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ต่อมาได้มีพระสงฆ์ฝ่าย มหายานซึ่งเป็นศิษย์ของพระวสุพันธุ ได้นำเอาพระพุทธศาสนาแบบมหายานลัทธิ ตันตระ เข้าไปเผยแผ่ จนพระพุทธศาสนาทั้ง แบบมหายาน และแบบเถรวาทเจริญรุ่งเรืองในพม่าเป็นเวลาหลายร้อยปี มหาเจดีย์ที่ยังคงปรากฏให้เราได้เห็นทุกวันนี้

ทราบที่มาคร่าวๆกันเเล้ว วันนี้ Unithai จึงขอพาทุกคนไปสักการะ 5 มหาบูชาสถานในพม่ากัน ตามมาเลย

มหาเจดีย์ชเวดากอง

ที่แรกก็คือ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงย่างกุ้ง เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ ก่อสร้างเมื่อประมาณ 2 พันปีมาก่อนโดยกษัตริย์มอญ คือพระเจ้าโอกะลาปะ  โปรดฯให้มีการก่อสร้างขึ้น โดยมีความสูง 326 ฟุต เส้นรอบวง 1,420 ฟุต และองค์เจดีย์ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักของทองคำทั้งหมดมากถึง  8 ตัน สำหรับฉัตรที่ครอบส่วนยอดขององค์เจดีย์สูง 33 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 ฟุต ประดับประดาด้วยอัญมณีเพชรพลอยรวม 4,351 เม็ด มีน้ำหนักมากถึง 2,000 กะรัต ภายในบรรจุพระเกศาธาต รวม 8 เส้น ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระมหาเจดีย์ชเวดากอง ได้รับการบูรณปฎิสังขรณ์มาหลายครั้ง และมีโบราณราชประเพณีที่กษัตริย์มอญ และกษัตริย์พม่า ก่อนจะขึ้นครองราชสมบัติ จะต้องถวายทองคำน้ำหนักเท่ากับน้ำหนักของพระองค์ เพื่อนนำมาห่อหุ้มองค์พระเจดีย์ ชาวเมียนมาร์และชาวไทยพุทธ ถือกันว่า พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นศูนย์รวมแห่งพลังความศรัทรา ที่สำคัญยิ่งจากอดีตจวบจนปัจจุบัน

การสักการะบูชา

  • ไหว้ขอพรเพื่อเสริมสร้างบารมีและสิริมงคลจากองค์เจดีย์ชเวดากองที่ ลานอธิษฐาน
  • สรงน้ำพระประจำวันเกิด 8 ทิศ รอบองค์เจดีย์ สรงน้ำบริเวณ 4 ตำแหน่ง คือ 1) ที่องค์พระ 2) ที่องค์เทวดา 3) ที่เสา 4) ที่สัตว์สัญลักษณ์
  • ชมแสงอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตร โดยแต่ละจุดจะมีสีต่างกันออกไป เช่น สีเขียว สีเหลือง สีแดง

พระธาตุอินทร์แขวน

พระธาตุอินทร์แขวน ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าผาสูงจากระดับน้ำทะเลราว 1,200 เมตร ที่เมืองไจ้ก์โถ่ รัฐมอญ มีลักษณะเป็นก้อนดินขนาดใหญ่โดยมีเส้นรอบวงประมาณ 17 เมตร มีความสูงขององค์พระธาตุ 5.5 เมตร เชื่อกันว่าเป็นก้อนหินมหัศจรรย์ที่สามารถลอยตัวอยู่บนหน้าผาได้อย่างน่าประหลาดใจแก่ผู้พบเห็น และหากใช้เชือกดึงคนละด้าน บริเวณฐานของก้อนหิน จะสามารถลอดผ่านได้โดยไม่ติดอะไร

ตามตำนานโบราณกล่าวว่า พระอินทร์เสด็จลงมาจากสรวงสวรรค์ เพื่อนำเอาพระธาตุมาแขวนไว้ ให้ผู้มีบุญญาธิการ ได้มากราบไหว้ เปรียบดังการได้มาไหว้พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ และยังจะได้ส่งผลบุญให้ได้ไปเกิดในยุคพระศรีอารยเมตรไตรย และยังมีความเชื่ออีกว่าผู้ที่มีบุญสูง จึงจะสามารถมองเห็น องค์พระธาตุอินทร์แขวนลอยอยู่อย่างชัดเจน สำหรับชาวเมียนมาร์และชาวไทยพุทธยังเชื่อว่า ในช่วงชีวิตหนึ่งจะต้องมากราบสักการะ องค์พระธาตุอินทร์แขวนให้ครบ 3 ครั้ง แล้วจะได้รับความโชคดีตลอดชีวิต ทั้งในภพนี้และภพหน้า

การสักการะบูชา

  • ปิดทององค์พระธาตุอินทร์แขวน (เข้าไปปิดได้เฉพาะผู้ชาย ส่วนผู้หญิงต้องฝากผู้ชายเข้าไปปิดแทน) ประตูเหล็กจะเปิดถึงแค่ 4 ทุ่ม เท่านั้น!
  • แขวนระฆังบริเวณรั้วรอบๆ ตามความเชื่อ เพื่อให้ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง
  • นั่งสมาธิที่พระเจดีย์ได้ตลอดทั้งคืน และควรพกเสื้อกันหนาว กันลม ผ้าห่ม ผ้าพันคอ และเบาะรองนั่งมาด้วย เพราะลมแรงและอากาศค่อนข้างเย็น
  • ใส่บาตรพระธาตุอินทร์แขวนในตอนเช้า หาซื้อของได้ที่ร้านค้าบริเวณนั้นๆ

พระมหาเจดีย์ชเวสิกอง (พุกาม)

คำว่า “ชเวสิกอง” มีความหมายว่าเจดีย์ทองแห่งชัยชนะ ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอโนรธามังช่อ สักษณะขององค์เจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ สีทองเด่นสง่างาม ซึ่งภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระเขี้ยวแก้ว ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา ถูกสร้างขึ้นเมื่อราว 960 ปีก่อน โดยผิวภายนอกของพระมหาเจดีย์ชเวสิกองหุ้มด้วยทองคำเปลว ปัจจุบันมีความสูง 53 เมตร มีลวดลายปูนปั้นอยู่ 3 แถว และมีเจดีย์เล็กๆ รายล้อมเป็นเจดีย์บริวาร

การสักการะบูชา

  • หลุมสมดุลเจดีย์ บริเวณลานหน้าบันไดทางขึ้นสู่เจดีย์ทิศตะวันออก เป็นหลุมใส่น้ำไว้นั่งคุกเข่ามองเงายอดเจดีย์ที่สะท้อนลงผิวน้ำ

 

พระมหาเจดีย์ชเวมอดอ (พะโค หรือ หงสาวดี)

พระมหาเจดีย์ชเวมอดอ หรือ “พระธาตุมุเตา” ซึ่งแปลว่าจมูกร้อน เพราะกล่าวกันว่า พระมหาธาตุมีความสูงมากจนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด จึงทำให้จมูกร้อน เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในประเทศเมียนมาร์   เป็นมหาเจดีย์สำคัญที่ก่อสร้างโดยชาวมอญ ในยุคที่รุ่งเรืองของเมืองมอญ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐานขององค์เจดีย์

พระมหาเจดีย์แห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ทำพระราชพิธีเจาะพระกรรณของ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ เมื่อครั้งพระองค์ขึ้นครองราชใหม่ๆ เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ สามารถยึดเมืองพะโคเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้สำเร็จ ในรัชกาลต่อมา พระเจ้าบุเรงนอง ได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนทำให้พระมหาเจดีย์ชเวมอดอ สูงขึ้นอีกหลายเท่า และยังถวายอัญมณีที่ประดับยอดมงกุฏของพระองค์เอง เป็นพุทธบูชาสูงสุด และทุกครั้งที่พระองค์จะออกทำศึกคราใด จะทรงมานมัสการพระมหาธาตุนี้ก่อนทุกครั้ง และเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยกทัพมาตีเมืองพะโค ก็ยังเสด็จมานมัสการองค์พระธาตุด้วย

ในประเทศไทย ได้มีการสร้างองค์พระมหาธาตุเจดีย์ จำลองไว้ที่วัดชมภูเวก อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญ และที่วัดปรมัยยิกาวาส บนเกาะเกร็ด ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

การสักการะบูชา

  • นำธูปไปค้ำกับยอดของเจดีย์องค์ที่หักลงมาเพื่อความเป็นสิริมงคล ค้ำจุนชีวิตให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป

พระมหามัยมุนี (มัณฑะเลย์)

พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมียนมาร์ เปรียบได้กับพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย คำว่า มหามัยมุนี แปลว่า “ผู้รู้อันประเสริฐ” ชาวเมียนมาร์จะเรียกว่า “มหาเมียะมุนี” เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์

ปัจจุปันประดิษฐานอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์  อดีตราชธานีของเมียนมาร์ในยุคราชวงค์คอมบอง เดิมทีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวยะไข่ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์ สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หนัก 6.5 ตัน กษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธรูปองค์นี้ เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบทอดศาสนาไปในภายหน้า ตำนานกล่าวว่าแม้เมืองยะไข่ จะถูกโจมตีจากกษัตริย์เมืองอื่นที่ทรงแสนยานุภาพอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนย้ายองค์พระมหามัยมุนีออกจากเมืองนี้ได้เลย

การสักการะบูชา

  • ร่วมพิธีล้างพระพักตร์ เป็นการสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
  • ล้างพระพักตร์ ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคา
  • ใช้แปรงทอง แปรงที่พระโอษฐ์
  • นำผ้าจากสาธุชนที่ถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท
  • ใช้พัดทองโบกถวาย

พม่าจึงเป็นประเทศที่เหมาะกับการแสวงบุญ หรือการท่องเที่ยวที่ต้องการความสงบ เสริมบุญ เสริมดวง ที่ใครๆก็ต่างพากันไป ทั้งนี้ยังมีความเชื่ออีกว่า การได้สักการะ บูชาสถานศักดิ์สิทธิ์ครบ เป็นผู้ที่มีบุญ ใครสายบุญ หรือต้องการเสริมดวงก็ลองไปสักการะ 5 บูชาสถานที่ประเทสพม่ากันดูนะคะ

 

 

1 thought on “5 บูชาสถานต้องไปของพม่าที่ต้องไปให้ได้

  1. อยากพาพ่อกับแม่ไปไหว้พระที่พม่า แต่ช่วงนี้เงินเก็บของผมที่เหลือก็มีน้อยมากๆ

Comments are closed.