ประเทศตุรกี เป็นอีกประเทศที่เที่ยวได้ง่ายและไม่ต้องทำวีซ่า แถมยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองสองทวีป เพราะหากดูตามแผนที่แล้วตุรกีจะตั้งอยู่ทางฝั่งเอเชียตะวันตก ติดกับยุโรปเลยค่ะ มีพื้นที่ 3% อยู่ในยุโรป เป็นประเทศที่มีทะเลล้อมรอบถึง 3 ด้าน คือทางตะวันตกเป็นทะเลอีเจียน, ทางเหนือเป็นทะเลดำ และทางใต้เป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนี้ทางตะวันตกเฉียงเหนือยังมีทะเลมาร์มมะราอีกด้วย
ในฝั่งทวีปเอเชียนั้นจะเรียกว่า “อนาโตเลีย” (Anatolia) ส่วนพื้นที่ทางฝั่งยุโรปจะเรียกว่า “เทรซ” (Thrace) มีช่องแคบบอสพอรัส ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบดาร์ดาเนลเลสเป็นตัวแบ่งแยก โดยทางฝั่งเอเชียจะเต็มไปด้วยอารยธรรมเก่าแก่ ส่วนทางฝั่งยุโรปก็จะเต็มไปด้วยความเจริญทันสมัย บรรยากาศค่อนไปทางฝั่งตะวันตก แค่การแบ่งเขตของทวีปก็น่าตื่นเต้นเเล้วใช่ไหมหล่ะ
เเต่เคยสงสัยไหมคะ ว่าทำไมนักท่องเที่ยวต้องไปนั่งบอลลูนที่ตุรกี ที่นี้ดีกว่าดีที่อื่นอย่างไรกันนะ วันนี้ Unithai มีคำตอบมาฝากกันค่ะ เมื่อไปตุรกี นอกจากไปเยี่ยมชมบ้านเมืองที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแล้ว สิ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกีย เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าบอลลูนที่นี้สวยที่สุดในโลกแล้ว
ก็ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เกิดจากการระเบิดภูเขาไฟเออซิเยส และภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว ลาวาและเถ้าถ่ายที่ระเบิดออกมาจำนวนมหาศาลได้กระจายไปทั่วบริเวณจนทับถมกันเป็นแผ่นดินชั่นใหม่ ผ่านการกัดกร่อนของกระแสน้ำ ลมฝน แดด และหิมะเป็นเวลานาน จึงทำให้กลายเป็นภูมิประเทศที่แปลกตานั่นเองค่ะ
และพื้นที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยแท่งหินลักษณะต่างๆ รูปทรงกรวย ปล่อง กระโจม โดม เห็ด และสารพัดรูปร่างอื่นๆอีกมากมายจนเกิดเป็นชื่อว่า “ปล่องไฟนางฟ้า” หรือ ” Fairy Chimney” และด้วยความมหัศจรรย์ทางธรรมชาตินี้ทำให้คัปปาโดเกียได้รับการขึ้นมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี 1985
แต่ราคาบอลลูนไม่เบาเลยนะคะ ตกอยู่ที่ประมาณ 230-250 USD หรือเงินไทยประมาณ 8-9 พันบาทเท่านั้นเอง แต่หากไปกับทัวร์ทางทัวร์ก็จะมีบริการในการจัดหาบริษัทบอลลูนให้ได้เลยค่ะ ซึ่งใครที่คิดว่าแพง กลัวไม่คุ้มค่า คิดใหม่ได้เลยค่ะ แม้ราคาจะแอบแพงแต่เชื่อเถอะว่าวิวที่ได้คุ้มค่ามากๆแน่นอนค่ะ