เที่ยวจีนรอบนี้ บอกเลยว่ายิ่งใหญ่อลังการ ดีงามสุดๆหลังจากได้ไปเปิดเส้นทางใหม่ “หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่” ไฮไลท์ของทริปนี้ที่แอดแนะนำว่าใครที่มีโอกาสเที่ยวจีนสักครั้งต้องไปเยือน เพราะบรรยากาศคือสวยเกินบรรยายายจริงๆค่ะ แต่นอกจากหุบเขาเทวดาแล้ว ยังมีสถานที่สวยๆอีกเพียบ เส้นทางใหม่นี้จะไปไหนบ้าง ตามเรามาเลย
หลายคนอาจจะคุ้นหูกับมณฑลเจียงซี แต่ถ้าบอกเป็นชื่อเมืองหลายคนคงไม่เคยได้ยินมาก่อน และใช่แล้วค่ะ วันนี้เราจะพาทุกคนเปิดเส้นทางใหม่กับสถานที่เที่ยวใหม่ๆในมณฑลเจียงซีกัน ว่าที่มณฑลแห่งนี้จะมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง โดยทริปนี้เราได้เดินทางมาสำรวจเป็นเวลา 6 วัน 4 คืน รับรองว่าเที่ยวแน่นจัดเต็มทุกวันแน่นอน
เริ่มที่วันแรก จากสนามบินดอนเมือง-หางโจว เราบินด้วยสายการบิน Air China มาพร้อมอาหารร้อนเสริฟบนเครื่อง เพราะเราบินไฟล์ทดึก ทำให้ถึงสนามบินหางโจวประมาณ 8 โมงเช้าในวันที่ 2 หลังลงเครื่องไม่รอช้าก็เที่ยวต่อเลยจ้า
และที่แรกเราก็ประเดิมเลยคือ “หมู่บ้านสุ่ยมั่วช่างเหอ” ที่เมืองอู้หยวน มณฑลเจียงซี ที่นี่เป็นหมู่บ้านสไตล์ฮุยโจว โดยตัวบ้านจะเป็นสีขาวหลังคาสีดำ บางบ้านจะมีไม้ที่แกะสลักลวดลายสวยงาม ถือเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านสวยอีกที่ของเมืองอู้หยวนเลยค่ะ
ต่อมาก็อยู่ยาวๆที่ “อู้หนี่โจว” แลนด์มาร์คใหม่ ที่ภายในเป็นทั้งจุดชมแสงสีเสียง และเป็นที่พักด้วย โดยคืนแรกเราก็พักที่นี่เลยใครมาแล้วบอกเลยว่าห้ามพลาดล่องเรือยามค่ำคืน เพราะฟิลดีมากๆ แถมอยู่ในนี้มีทั้งโชว์พลุ โชว์ไฟ และการแสดงแบบจัดเต็มสุดๆ
วันที่ 3 เช้าวันนี้เราเดินทางมาเที่ยวต่อที่ “หมู่บ้านโบราณหวงหลิ่ง” อยู่เมืองอู้หยวนเช่นเดียวกัน โดยเราขอเรียกง่ายๆว่าหมู่บ้านตากพริก เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีเอกลักษณ์คือบ้านแต่ละหลังจะเอาพริก ข้าวโพด หรือพืชชนิดต่างๆมาตากแห้งบริเวณนอกบ้านโดยใช้วิธีคือนำไม้ยื่นออกมาจากตัวบ้านบริเวณหน้าต่าง ระเบียง และวางกระจาดมาวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งหากมองจากมุมสูงลงมา เป็นอะไรที่สวยมาก ๆ
และด้วยประวัติที่ยาวนานกว่า 580ปี ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ถูกพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบ จนตอนนี้เป็นที่เที่ยวระดับ 4A ไปแล้วจ้า แนะนำว่ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเค้าว่าสวยมากๆ เพราะใบไม้จะกลายเป็นสีส้ม แดงทั่วหมู่บ้านเลยค่ะ เราก็อยู่ที่นี่ยาวๆทั้งวัน เต็มอิ่มมาก
คืนนี้เราก็มาพักที่เมืองเจียงซี ที่พักดีเลยค่ะ ภายในจะมีไร่ชาให้เดินชมด้วยนะ
วันที่ 4 มาเดินชิคๆที่ “ถนนสายวัฒธรรม” แหล่งรวมงานเซรามิค ผลงานศิลปะ และแฟชั่นที่เมืองหนานซาง ภายในจะเป็นโกดังที่ถูกเปลี่ยนมาเป็นร้านขายงานศิลปะ งานเซมิคต่างๆ ราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพคือตามราคาเลย ใครที่ชื่นชอบเซรามิคถูกใจแน่ๆ
มาต่อกันที่เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น เราแวะมาดูขั้นตอนการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่ “พิพิธภัณฑ์เซรามิค” ซึ่งเค้ายังคงขั้นตอนการผลิตแบบดั้งเดิมจากรุ่นสู่รุ่น ทุกขั้นตอนใช้แรงงานฝีมือหมด ไม่มีการใช้เครื่องไฟฟ้าในการขึ้นรูปทรง โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นจุดกำเนิดงานเซรามิคของจีนที่มีชื่อเสียงระดับโลกเลยทีเดียว ปัจจุบันเป็นสถานที่เที่ยวระดับ 3A แล้วเรียบร้อย
และสถานที่ปิดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือ “หุบเขาเทวดา” หรือคนจีนเรียกว่า “วั้งเซียนกู่” ที่กำลังเป็นกระแสและดังมากในโต่วอิน (Tiktok จีน) ถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยค่ะ เมื่อมาแล้วอยากตะโดนดังๆว่าสถานที่จริงสวยเวอร์วังมาก ยิ่งช่วงเย็นตอนเปิดไฟของจริงสวยกว่าในรูปอีกทุกคน
ด้วยความที่เรามาเปิดเส้นทางใหม่ ทำให้ที่นี่ยังไม่มีคนไทยมาเยือน นอกจากกรุ๊ปเราที่อาจจะเป็นกรุ๊ปคนไทยแรกๆเลยก็ว่าได้ นอกจากเราแล้วก็ยังไม่เจอคนไทยเลยสักคน ที่นี่อดีตเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆธรรมดาเท่านั้น แต่ทางรัฐบาลจีนเค้าพัฒนาลงทุนกว่าหลายล้าน เพื่อทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดัง กลายเป็นหมู่บ้านริมหน้าผาสุด Unseen แบบปัจจุบัน แต่ก็ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในอนาคต อาหารเย็นเราก็มาทานกันที่นี่เลย รสชาติอร่อยใช้ได้เลยค่ะ เมื่อเดินเที่ยวจนหนำใจแล้ว ก็ได้เวลาเข้าที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก
วันที่ 5 วันนี้เน้นเที่ยวสายธรรมชาติ ให้ฟิตร่างกายให้พร้อม เพราะที่แรกที่เราจะไปคือ “ภูเขาหลิงซานน้อย” โดยก่อนพิชิตยอดภู เราต้องนั่งกระเช้าประมาณ 15 นาที ขึ้นไปยังจุดเดินก่อน บอกเลยว่าขึ้นไปถึงอากาศเย็นมาก นึกว่าเปิดแอร์ ซึ่งมารอบนี้เราไม่ได้เดินรอบภูเขานะ เพราะถ้าเดินรอบทั้งภูเขาเราต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว แต่ทางเดินง่ายไม่ลำบาก แถมวิวข้างทางยังสวยจนหายเหนื่อย บวกกับเดินไปสักพักจะมีจุดให้พักถ่ายรูปเก๋ๆด้วยนะ
ก่อนปิดท้ายวันที่ 5 ที่ “หมู่บ้านเกอเซียน” เราก็ต้องแวะทานอาหารอีกมื้อก่อน เมื่อไปถึงหมู่บ้านเกอเซียนก็ค่ำแล้ว แต่ยังเดินเที่ยวได้อยู่ ฟิลคล้ายอู้นี่โจว เพราะมีการแสดงและแสงสีเสียงให้ชมและเป็นที่พักด้วย ภายในมีจุดถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน
เราพักคืนสุดท้ายที่หมู่บ้านเกอเซียน ภายในเป็นแบบนี้เลย
วันที่ 6 ถึงวันที่ต้องเดินทางกลับไทยแล้ว แต่ก่อนกลับ ก็ยังได้แวะมาดู “พระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในโลก” เมืองอี้หยางกันก่อน ถามว่าใหญ่แค่ไหนก็ดูจากรูปได้เลย จะเห็นว่าตัวเราเล็กไปเลยค่ะถ้าเทียบกับเทียบกับองค์พระ เป็นอีกที่ที่เราว่าโอเคเลยเพราะวิวสวยตลอดทางแถมเดินง่ายด้วย
หลังจากนั้นก็นั่งรถยาวๆ เดินทางไปที่สนามบินหางโจวเหมือนเดิม แต่ก่อนกลับก็แวะเติมพลังสักหน่อยด้วยมื้อสุดท้ายที่หางโจว เป็นอันจบทริปค่ะ
สรุปตลอดทั้งทริปเป็นทัวร์ไม่ลงร้าน กินดีอยู่ดีสุด ใครสนใจติดต่อ Unithai ได้เลยนะ รับรองว่าเที่ยวกับเราคุ้ม และได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน
สนใจ / สอบถามทัวร์ ได้ที่..
▪️ Line กด -> https://lin.ee/5nDHUO6
▪️ inbox ก็ได้เช่นกัน -> m.me/unithaitrip
☎️ 02-234-5936 กด 1
☎️ 02-632-6882 กด 1
☎️ 091-154-9999 กด 1
🔺ติดต่อแผนก Unithai Big Group รับจัดกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปบริษัท กรุ๊ปดีลเลอร์
▪️ Line กด -> CLICK
หรือแอดไลน์ @unithaibiggroup
☎️02-234-5936
☎️02-632-6882
กดได้ตั้งแต่ 201-210 (ทุกวัน จ.-ศ. เวลา 09.00-18.00 น. )
☎️091-154-9999 (กด 2) (ทุกวัน จ.-อา. เวลา 09.00.-20.00 น.)
**ขอความกรุณาติดต่อเฉพาะการจัดกรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปเหมา เท่านั้น ไม่สามารถจองทัวร์หน้าร้านได้