ประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศหมู่เกาะ ประกอบไปด้วยเกาะต่าง ๆ กว่า 6,800 เกาะ แต่มีเกาะหลัก 4 เกาะคือ ฮอกไกโด (Hokkaido) , ฮอนชู (Honshu) , ชิโกกุ (Shikoku) และคิวชิว (Kyushu) ซี่งเกาะฮอนซูเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุด มีภูมิอากาศแบบอบอุ่น โดยญี่ปุ่นจะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องวัฒนธรรม ความเชื่อ อาหารการกินที่คนไทยชื่นชอบกันมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น ซาชิมิ ซูชิ ราเม็น และอีกมากมาย รวมไปถึงเทคโนโลยี และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย โดยเวลาในประเทศญี่ปุ่นเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ฤดูกาลของญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) ชมดอกซากุระบานสะพรั่ง 🌸
ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) ชมงานเทศกาลฤดูร้อน และดอกไม้ไฟ 🎆
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ชมบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสี 🍁
ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) ชมบรรยากาศหิมะตกรอบเมือง ❄️
เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในช่วงวงแหวนแห่งไฟ จึงทำให้ญี่ปุ่นมีบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นในประเทศ วันนี้เราไปดูเมืองยอดฮิตของญี่ปุ่นกันเลยดีกว่า โดยแต่ละเมืองจะมีสถานที่ท่องเที่ยวแบบไหน ที่ไหนเด่นกันบ้าง ไปดูกันเลย!
เมืองยอดฮิตที่ญี่ปุ่น
Tokyo โตเกียว
Mount Fuji ภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ Mount Fuji ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคิดถึงญี่ปุ่น หลาย ๆ คนก็คงจะคิดถึง ภูเขาไฟฟูจิ เป็นที่แรก และยังเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย อยู่ที่จังหวัดชิซูโอกะและจังหวัดยามานาชิ นับเป็นส่วนหนึ่งของ “อุทยานแห่งชาติฟูจิฮาโกเน่อิซุ” เป็นอุทยานที่มีธรรมชาติและบรรยากาศที่สวยงามมากก ๆ ฟูจิซัง เป็นภูเขาที่ขี้อาย แม้เราจะอยู่ใกล้เพื่อชมความงามแค่ไหน ถ้าอากาศไม่แจ่มใสก็จะมองไม่เห็น แต่ถ้าวันไหนที่อากาศแจ่มใส อากาศดี แม้เราจะอยู่มุมไหน เราก็จะเห็นฟูจิซังได้สวยทุกมุมแต่ ถ้าจะไปจริง ๆ ควรจะเช็คสภาพอากาศและตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการก่อนนะ
Ueno Park สวนอุเอโนะ
สวนอุเอโนะ Ueno Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิด เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่สวยที่สุดอีกที่หนึ่งในญี่ปุ่น ซากุระนั้นจะบานในช่วงประมาณปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน และที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สวนสาธารณะขนาดใหญ่เท่านั้น ด้านในยังมีทั้งวัด ศาลเจ้า ทะเลสาบ สวนสัตว์ และสามารถนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ได้อย่างสบาย ๆ ในบรรยากาศที่ร่มรื่น
Imperial Palace พระราชวังอิมพีเรียล
พระราชวังอิมพีเรียล Imperial Palace สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่มีสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เป็นที่ประทับหลักของจักรพรรดิญี่ปุ่นในสมัยก่อน โดยปัจจุบันใช้เป็นสถานที่ทำพิธีสำคัญ ๆ การเข้าชมในพระราชวังนั้นจะเปิดให้เข้าชมปีละ 2 ครั้ง ในวันที่ 2 มกราคม เทศกาลปีใหม่ และ วันที่ 23 ธันวาคม วันพระราชสมภพสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ
Sensoji Temple วัดเซ็นโซจิ หรือ Asakusa Temple วัดอาซากุสะ
วัดเซ็นโซจิ Sensoji Temple หรือที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ หรือวัดโคมแดง เป็นวัดพุทธที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว มีนักท่องเที่ยวนิยมมามากที่สุด สัญลักษณ์ของวัดนี้ก็คือโคมแดงอันใหญ่ ๆ ที่เดินมาก็จะต้องเห็นแต่ไกล ในวัดมีจุดถ่ายรูปเยอะมาก และยังมีร้านขายของกินตามทางเดินเข้าวัดอีกด้วย รอบ ๆ บริเวณวัดก็จะเป็นย่านช็อปปิ้งให้เลือกช็อปกันอย่างจุใจ
Meiji Shrine ศาลเจ้าเมจิ
ศาลเจ้าเมจิ Meiji Shrine ศาลเจ้าแบบชินโตที่มีความสำคัญมากในประเทศญี่ปุ่น เป็นศาลเจ้าชื่อดังที่นักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะขอพรกันที่นี่ ศาลเจ้านี้ให้ความร่มรื่นตั้งแต่เดินเข้ามาเลย เพราะระหว่างทางเดินเข้าไปยังศาลเจ้าจะมีต้นไม้มากถึง 1 แสนต้น! ศาลเจ้าเมจิ มักจะมีการจัดงานแต่งงานอยู่บ่อย ๆ และในช่วงปีใหม่ผู้คนก็ต่างเข้ามาขอพรกันที่ศาลเจ้า เนื่องจากคนญี่ปุ่นไม่นิยมเรื่อง Countdown แต่จะนิยมการเข้าวัดหรือศาลเจ้าในช่วงวันสุดท้ายของปีหรือวันขึ้นปีใหม่
ย่านช้อปปิ้งในโตเกียว
ชินจูกุ Shinjuku อาเมโยโกะ Ameyoko ฮาราจูกุ Harajuku ชิบูย่า Shibuya
เอาใจสายช้อปกันบ้างกับย่านช็อปปิ้งที่ห้ามพลาดเมื่อมาโตเกียว บอกเลยว่าช้อปกันสนุกมาก เพราะที่นี่มีทุกอย่างทั้งแบรนด์เนม และไม่แบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า ของกิน ของใช้ สามารถเลือกไปช็อปกันได้ที่ ฮาราจูกุ Harajuku ,ชินจูกุ Shinjuku ,ชิบูย่า Shibuya และ อาเมโยโกะ Ameyoko
Tokyo Skytree โตเกียวสกายทรี
โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) หอคอยกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วยความสูง 634 เมตร สามารถมองเห็นวิวบรรยากาศของโตเกียวได้อย่าง 360 องศาไปเลย และที่นี่ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโตเกียวด้วยนะ มีจุดชมวิว 2 ระดับคือ ชั้น 350 และชั้น 450 ค่าเข้าของแต่ละชั้นก็จะแตกต่างกันออกไป ผู้ใหญ่เริ่มต้นที่ประมาณ 300 บาท เด็กเริ่มที่ประมาณ 150 บาท หรือถ้าจะขึ้นทั้งสองชั้นเลย ผู้ใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 890 บาท และเด็กประมาณ 415 บาท ทั้งนี้ราคาในช่วงวันหยุดและวันธรรมดาจะแตกต่างกันไปตรวจเช็คอีกทีนะ
Osaka โอซาก้า
Osaka Castle ปราสาทโอซาก้า
ปราสาทโอซาก้า Osaka Castle แลนด์มาร์คที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนโอซาก้า เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในแขวงชูโอ เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น มีบทบาทในช่วงสงครามการรวมประเทศญี่ปุ่นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยปราสาทถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงหิน คูน้ำ และสวนนิชิโนมารุ (Nishinomaru Garden) สามารถเดินเที่ยวได้ทั้งวัน มีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ เพียบเลย และในช่วงฤดูใบไม้ผลิซากุระบาน ปลายเดือนมีนาคม – ต้นเดือนเมษายน เป็นช่วงที่สวยงามมาก ๆ ผู้คนมักจะเดินทางมาชมซากุระที่นี่
Universal Studios Japan ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน
ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ เจแปน Universal Studios Japan สวนสนุกที่ได้รับความนิยมระดับโลก ภายในสวนสนุกจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 โซน แต่โซนที่ได้รับกระแสตอบรับจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คงจะเป็นโซนของปราสาทฮอกวอตส์จากเรื่อง Harry Potter นั่นเอง ใครที่ได้มาที่นี่ก็ต่างประทับใจกันทั้งนั้น เพราะที่นี่มีทั้งเครื่องเล่น ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และยังมีขบวนพาเรด ซึ่งไม่แพ้ Tokyo Disney เลย ต้องลองไปกันสักครั้ง!
Dotonbori ย่านโดทงโบริ
ย่านโดทงโบริ Dotonbori ย่านที่คึกคักที่สุดในโอซาก้า เพราะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านค้า ร้านเสื้อผ้า ซึ่งมีครบทุกอย่าง หาได้ที่ย่านนี้เลย เมื่อมาถึงที่ย่านโดทงโบรินี้ จะต้องไปถ่ายกับป้ายกูลิโกะบนสะพาน และสิ่งที่พลาดไม่ได้กับของกินของย่านนี้ นั่นก็คือ ปลาหมึกยักษ์ ทาโกะยากิ เกี๊ยวซ่า ปูยักษ์ ที่จะต้องได้ไปลิ้มลองกัน และถนนช้อปปิ้งชินไซบาชิ (Shinsaibashi) ที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ห้ามพลาดนะ
Shinsekai ย่านชินเซไก
ย่านชินเซไก Shinsekai แหล่งรวมของอร่อย ที่เมื่อไปแล้วห้ามพลาดกับสองเมนูนี้ คือ ทาโกะยากิ และคุชิคัตสึ (เมนูเสียบไม้ชุบแป้งทอด) เพราะที่ย่านนี้เป็นต้นตำรับของสองเมนูนี้นั่นเอง และนอกจากมีร้านอาหารต่าง ๆ แล้วยังมีหอคอยซึเทนคาคุ Tsutenkaku Tower หอคอยที่ตั้งอยู่ในย่านชินเซไก แลนด์มาร์คของย่านนี้นี่เอง สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองโอซาก้าได้ โดยจะต้องซื้อตั๋วขึ้นไปนะ
Kyoto เกียวโต
Kinkaku-Ji วัดคินคะคุจิ
วัดคินคะคุจิ Kinkaku-Ji หรือที่เรียกกันว่าวัดทอง เป็นวัดที่เก่าแก่ของเกียวโต ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือตัวอาคารสีทองที่โดดเด่น อยู่กลางน้ำ สวยงามจนได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO และที่นี่มีตำนานของการ์ตูนเรื่องอิคคิวซังด้วย และที่สำคัญถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ก็จะพบกับต้นไม้ที่เต็มไปด้วยสีสันล้อมรอบตัวอาคารสีทอง เรียกได้ว่าสวยงามมากจริง ๆ
Fushimi Inari Shrine ศาลเจ้าเทพอินาริ
ศาลเจ้าเทพอินาริ Fushimi Inari Shrine หรือเรียกกันว่า ศาลเจ้าแดง เป็นศาลเจ้าชินโต ไฮไลท์ของที่นี่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลกันเข้ามา นั่นก็คือ ประตูโทริอิหรือเสาประตูแดง ที่เรียงยาวหลายหมื่นต้น มีความเชื่อว่าเทพอินาริจะเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ การเกี่ยวข้าว พืชผลต่าง ๆ และมีจิ้งจอกเป็นสัตว์คู่กาย จึงมีรูปปั้นจิ้งจอกมากมายในศาลเจ้านั่นเอง
Kiyomizu Temple วัดคิโยะมิซุ
วัดคิโยะมิซุ Kiyomizu Temple หรือเรียกว่าวัดน้ำใส วัดที่มีสถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงาม จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่น้ำใสเพราะเป็นน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่ไหลจากน้ำตกโอโตวะไหลผ่านที่วัดนั่นเอง ไฮไลท์ของที่นี่จะเป็นอาคารไม้ที่ไม่ใช้ตะปูในการสร้างถือเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณ และที่นี่ยังเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี ชมซากุระ ที่งดงามมาก ๆ อีกที่หนึ่งของเกียวโตด้วยนะ มีค่าเข้าชม สำหรับผู้ใหญ่ 300 เยน หรือประมาณ 85 บาท และเด็กนักเรียน 200 เยน หรือประมาณ 57 บาท
Higashiyama ย่านฮิกาชิยาม่า
ย่านฮิกาชิยาม่า Higashiyama ย่านถนนช็อปปิ้งโบราณของเกียวโต เดินเล่นรับฟีลบรรยากาศเก่าแก่ของเมือง สองข้างทางก็จะมีร้านค้า ร้านขนมท้องถิ่นของเกียวโต ร้านของที่ระลึก ซึ่งย่านนี้จะอยู่ระหว่างทางไปวัดน้ำใสนั่นเอง ถ้ามีเวลาเหลือก็สามารถไปวัดอื่น ๆ ที่อยู่บริเวณย่านนี้ได้เลย เพราะยังมีอีกหลายวัดในย่านนี้ด้วยนะ
Sagano Bamboo Forest ป่าไผ่ซากาโนะ
ป่าไผ่ซากาโนะ Sagano Bamboo Forest ป่าไผ่ที่ใหญ่ที่สุดในเกียวโต จะมีป่าไผ่เรียงยาวตลอดสองข้างทาง ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมในทุกฤดูเลย เราสามารถเดินชมได้ฟรี ตลอดระยะทาง 500 เมตร และถ้าเดินเสร็จแล้ว บริเวณป่าไผ่จะมีวัดเทนริวจิ ที่ให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัสกับธรรมชาติกันอย่างเต็มที่ ในวัดจะมีความร่มรื่นย์ เต็มไปด้วยต้นไม้ และถ้ามาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้เป็นอีกฟีลหนึ่งด้วยนะ
Hokkaido ฮอกไกโด
Odori Park สวนสาธารณะโอโดริ
สวนสาธารณะโอโดริ Odori Park ทอดยาวไปกว่า 1.5 กิโลเมตร กว้าง 100 เมตร สวนที่ประดับประดาไปด้วยน้ำพุ ต้นไม้หลากหลายชนิด ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตกก็จะอีกฟีลหนึ่งเลยละ สวยไม่แพ้กัน และที่สำคัญสวนโอโดรินี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงาน จัดนิทรรศการต่าง ๆ อย่างเช่น งาน Sapporo Snow Festival หรืองานเทศกาลหิมะนั่นเอง จะมีการแกะสลักหิมะแข่งกันกับหลากหลายประเทศ ซึ่งถ้ามีโอกาสก็ต้องไปดูด้วยตาตัวเองสักครั้งนะ
Former Hokkaido Government Office ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด
ตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด Former Hokkaido Government Office หรือเรียกกันว่าตึกแดง เพราะเป็นตึกที่ใช้อิฐแดงในการก่อสร้าง มีสถาปัตยกรรมสไตล์นีโอบารอค ให้กลิ่นอายแบบอเมริกัน บริเวณรอบ ๆ ตึกก็จะมีความร่มรื่น และถ้ามาในช่วงฤดูหนาวจากตึกสีแดงก็จะเป็นตึกสีขาวเลย สวยมาก ๆ และต้นไม้โดยรอบก็จะเป็นสีขาวที่ถูกหิมะปกคลุมไปด้วย เข้าชมได้ฟรีนะ
Sapporo Beer Museum พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร
พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร Sapporo Beer Museum คอเบียร์ห้ามพลาดกับต้นตำรับเบียร์ Sapporo ที่ฮอกไกโดขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตเบียร์ครั้งแรกของญี่ปุ่น ด้านในจะเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และโรงผลิตเบียร์ ที่จะบอกเล่าถึงเรื่องราวประวัติเบียร์ของญี่ปุ่น กระบวนการผลิตเบียร์ ซึ่งเข้าชมฟรี และด้านหลังนิทรรศการนี้ก็มีเบียร์ให้ชิมฟรีด้วย และมีร้านอาหารอยู่ด้านบน ซึ่งเมนูยอดนิยมของที่นี่คือเนื้อแกะ
Shiroi Koibito Park โรงงานช็อกโกแลตและขนมชิโรอิโคอิบิโตะ
โรงงานช็อกโกแลตและขนมชิโรอิโคอิบิโตะ Shiroi Koibito Park แบรนด์คุกกี้และขนมชื่อดังของญี่ปุ่น ที่เมื่อมาแล้วต้องไม่พลาดที่จะซื้อกินเลย ถ้าอยากจะซื้อกลับไปฝากก็ได้เหมือนกัน ที่นี่จะเปิดให้เข้าไปชมโรงงาน ให้ไปดูกระบวนการผลิตช็อกโกแลต ราคาไม่แพงมาก และนอกจากนี้ก็มีร้านอาหาร คาเฟ่ ไว้บริการด้วย และด้านนอกของอาคารก็จะเต็มไปด้วยสวนต้นไม้ให้เราได้ไปถ่ายรูปกัน
Otaru Canal คลองโอตารุ
คลองโอตารุ Otaru Canal คลองเล็ก ๆ ที่เคยเป็นเส้นทางนำสินค้าลงเรือไปตามคลองที่อยู่รอบเมืองโอตารุ และปัจจุบันก็ยังคงสภาพไว้อย่างดี เหมาะกับการมาเดินเล่น และยังมีโกดังเก่าอยู่แต่ได้ปรับปรุงไปเป็นร้านอาหารแล้ว ถ้ามาที่นี่ในช่วงหิมะตกละก็ ทั้งฟินทั้งสวยไปเลย ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่ไม่ห้ามพลาดหากมาเยือนฮอกไกโด
Otaru Music Box Museum พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ Otaru Music Box Museum อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของโอตารุ มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ด้านนอกเป็นอาคารสไตล์ยุโรป ด้านในก็จะมีกล่องดนตรีให้ได้เลือกชมเลือกซื้อ และด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์จะมีนาฬิกาไอน้ำตั้งอยู่ เป็นของขวัญที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา มอบให้กับเมืองแห่งนี้ โดยนาฬิกาจะดังทุก ๆ 15 นาที เมื่อได้มาแล้วจะต้องมายืนรอดูนาฬิกานี้ปล่อยไอน้ำออกมา
จริง ๆ แล้วยังมีอีกหลาย ๆ เมืองที่เราไม่ได้ยกมาแต่บอกเลยว่าสวยไม่แพ้กัน
ยังมีอีกหลายสถานที่ในญี่ปุ่น ที่กำลังรอให้เราได้เดินทางไปสัมผัสกัน
หากใครมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นก็มาเล่าให้ฟังกันได้น้าา
สนใจ / สอบถามทัวร์อื่น ๆ ได้ที่..
▪️Line กด-> https://lin.ee/5nDHUO6
▪️inbox ก็ได้เช่นกัน-> m.me/unithaitrip
☎️ 02-234-5936