Posted on

หลงมนต์เสน่ห์ “อินเดีย” ดินแดนภารตะ

อินเดีย หรือ ภารตะ ตั้งอยู่บริเวณเอเชียใต้ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ทำให้ลักษณะภูมิประเทศและอากาศของอินเดียมีความแตกต่างกันมาก นอกจากนี้อินเดียยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รวมทั้งเป็นประเทศแห่งประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญในด้านศาสนาพุทธอย่างมาก ทำให้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่ตามเมืองต่าง ๆ  ที่น่าสนใจ ว่าแต่จะมีเมืองไหนโดดเด่นน่าเที่ยวบ้าง ตามมาดูกันเลยค่ะ

พิพิธภัณฑ์ฉัตรปาตีศิวะจีมหาราช วาสตูสังกราหาลายา 

พิพิธภัณฑ์ฉัตรปาตีศิวะจีมหาราช วาสตูสังกราหาลายา (Chhatrapati Shivaji Maharaj Vastu Sangrahalaya) ตั้งอยู่ที่เมืองมุมไบ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สวยงามอลังมาก ๆ ด้วยตัวอาคารที่ถูกออกแบบในสไตล์อินโดซาราเซนิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างอังกฤษ ฮินดู และอิสลาม ทำให้มีความแปลกตา โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือที่จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปะชั้นดีของอินเดียรวมถึงทั่วเอเชีย มากถึง 50,000 รายการ เลยทีเดียว

ประตูสู่อินเดีย

ประตูสู่อินเดีย (Gateway of India) ตั้งอยู่ที่มุมไบ สร้างด้วยหินบะซอลต์สูง 26 เมตร ที่ถือเป็นสัญลักษณ์แรกที่เห็นหากเดินทางจากอาหรับ และเป็นประตูสุดท้ายที่ทหารอังกฤษเดินออกจากอินเดียหลังอินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี ค.ศ. 1948 ซึ่งประตูสำคัญแห่งนี้สร้างขึ้นริมฝั่งทะเลอาหรับเพื่อฉลองในโอกาสที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรี่เสด็จมาเยือนในปี ค.ศ. 1911

พระราชวังซิตี้พาเลซ

พระราชวังซิตี้พาเลซ (City Palace) หรือ พระราชวังชัยปุระ พระราชวังเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1727 ตามคำสั่งของมหาราชา Sawai Jai Singh II ที่เป็นราชาผู้ก่อตั้งเมืองชัยปุระ และลูกหลานของราชวงศ์ก็ยังคงอาศัยอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพระราชวังแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดของอินเดีย ที่พิสูจน์ให้เห็นความก้าวล้ำไปทั่วโลกด้วยอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมแบบราชปุตโมกุลและยุโรป ในอดีตพระราชวังแห่งนี้เคยได้ต้อนรับแขกคนดังระดับโลกหลายต่อหลายคน แต่ปัจจุบันเปิดให้บุคคลภายนอกจองเข้าพักได้โดยรายได้จะมอบให้กับมูลนิธิไม่แสวงหากำไร

พระราชวังชัล มหัล

พระราชวังชัล มหัล (Jal Mahal)  หรือ พระราชวังกลางน้ำ เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบมันสกา ซึ่งมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบได้โดยรอบ มีความสวยงามตามสถาปัตยกรรมราชปุตละโมกุล ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในในรัฐราชสถาน แต่เดิมมีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ปัจจุบันเหลือ 4 ชั้น ไฮไลท์จะอยู่ตอนที่ระดับน้ำขึ้นสูง เพราะน้ำจะท่วมด้านล่างทำให้มองเห็นเพียงชั้นบนสุดเท่านั้น ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนเป็นร้านอาหารสุดหรู และต้องนั่งเรือเข้าไปเท่านั้น ทำให้มีการจำกัดจำนวนในการเข้าชม

ป้อมแดง Red Fort

ป้อมปราการ (Red Fort) หรือ ป้อมแดง แห่งเมืองเดลีเก่า สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 17 โดยกษัตริย์แห่งราชปุต ต่อมาพระเจ้าชาห์ เจฮัน ทรงโปรดให้บูรณะป้อมแดงใหม่ในปี ค.ศ. 1638 จนเสร็จสิ้นเมื่อ ค.ศ. 1648 ซึ่งใช้เวลาสร้าง 10 ปีด้วยกัน หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ อีกหลายครั้ง หลังจากรัชสมัยของพระเจ้า ชาร์ เจฮาล และการก่อสร้างเพิ่มครั้งใหญ่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้า Aurangzeb และอีกหลายครั้งภายใต้การปกครองของราชวงศ์โมกุล นับถึงปัจจุปันก็มีอายุกว่า 350 ปีแล้ว โดยเป็นสิ่งก่อสร้างของกลุ่มสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “ชาห์ชะฮันนาบาด”

ประตูชัยอินเดีย

ประตูชัยอินเดีย (India Gate) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ด้วยหินทรายสีแดงเช่นเดียวกับสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ในอินเดีย แต่ลักษณะของประตูนั้นสร้างขึ้นตามแบบอย่างของประตูชัยคอนสแตนตินในกรุงโรม โดยประตูนั้นมีความสูงถึง 42.3 เมตร ส่วนโค้งของซุ้มประตูกว้าง 9.1 เมตร โดยที่ประตูแห่งนี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานแห่งสงครามทั้งปวงของอินเดีย ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารอินเดียที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้บนประตูชัยมีการสลักชื่อของเจ้าหน้าที่และทหารที่เสียชีวิตไว้ และบริเวณใต้โค้งประตูจะปรากฏคบเพลิงที่ไฟไม่เคยมอดดับเพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้เสียชีวิต

แม่น้ำคงคา

แม่น้ำคงคา (Ganges River) อยู่ที่เมืองพาราณสี หรือ วาราณสี แคว้นกาสี ซึ่งเป็น 1 ใน 7 เมืองฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์ ที่หลายคนนิยมเดินทางมาแสวงบุญ เนื่องจากเมืองนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี และมีสถานที่ชื่อดังอย่างแม่น้ำคงคาใหลผ่าน ซึ่งมีต้นน้ำมาจากเทือกเขาหิมาลัย ที่ถือเป็นแม่น้ำใหญ่ที่สุดอันดับที่ 3 ของโลกและศักดิ์สิทธิ์มากในศาสนาฮินดู เพราะมีความเชื่อว่าน้ำในแม่น้ำคงคาไหลผ่านเศียรของพระศิวะ หากนำมาอาบน้ำจะชำระล้างบาปได้ และยิ่งถ้าได้มาเผาศพที่พาราณสีและกวาดเถ่ากระดูกลงแม่น้ำคงคา จะทำให้ขึ้นสวรรค์

สารนาถ

สารนาถ (Sarnath) หรือที่รู้จักอีกหลายชื่อคือ “ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน” ซึ่งเป็นพุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ 3 (1 ใน 4 แห่งของชาวพุทธ) ที่เป็นสถานที่สำหรับแสวงบุญของชาวพุทธ อยู่ห่างจากตัวเมืองพาราณสี 10 กม. ภายในยังมีสถานที่สำคัญหลายจุด แต่ที่สำคัญที่สุดคือบริเวณธรรมเมกขสถูป ที่เป็นพุทธสถานขนาดใหญ่ที่สุดเนื่องจากสันนิษฐานว่าบริเวณที่ตั้งของธรรมเมกขสถูป เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระสัจจธรรมเป็นครั้งแรกที่นี่

พระราชวังอุทัยปุระ

พระราชวังอุทัยปุระ (Udaipur) หรือเรียกกันอีกชื่อว่า City of Lakes ตั้งอยู่ที่เมืองอุทัยปุระ เมืองเล็ก ๆ ที่ได้ชื่อว่าโรแมนติกที่สุดของอินเดีย พระราชวังนี้สร้างขึ้นจากความประสงค์ของมหาราชา อุเด ซิงห์ ที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2102 บริเวณริมทะเลสาบพิโชล่า ด้วยหินแกรนิต และหินอ่อนที่มีความวิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก มีขนาดใหญ่โตที่สุดในรัฐราชสถาน และทะเลสาบที่เห็นนั้นไม่ใช่ทะเลสาบที่เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากการขุดของมนุษย์ เพื่อเป็นที่กักเก็บน้ำไว้บริโภคในเมือง

ป้อมจิตตอร์การห์

จิตตอร์การห์ (Chittorgarh) หรือ จิตเตาร์  ป้อมปราการขนาดใหญ่ในเมืองจิตตอร์การห์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 394 เมตร และใหญ่ที่สุดในอินเดีย โดยป้อมปราการแห่งนี้สร้างอยู่บนเนินเขาสูง ประมาณ 180 เมตร ในช่วงศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมริยะ มีประตูหลักๆอยู่ 7 ประตู โดยแต่ละประตูล้วนแล้วแต่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป ไฮไลท์คือหอวีเจย์ หรือหอคอยแห่งชัยชนะ ที่มีทั้งหมด 9 ชั้น สูงประมาณ 37.19 เมตร ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1458 – 1468 ถือเป็นหนึ่งในหอคอยที่น่าทึ่งที่สุดในประเทศอินเดีย

นอกจากทั้งหมดที่เรานำเสนอมาแล้วนั้น ประเทศอินเดีย ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่น่าไปสัมผัสดูสักครั้งในชีวิต นี่แค่ยกตัวอย่างมาไม่กี่สถานที่ยังมีความน่าใจขนาดนี้ สถานที่อื่น ๆ ก็ไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน ท่านใดที่ยังไม่เคยไปเที่ยวอินเดีย แนะนำว่าต้องลองไปสักครั้ง ท่านจะมีมุมมองกับประเทศอินเดียไม่เหมือนเดิมแน่นอน

รวมทัวร์อินเดีย -> Click

สนใจ / สอบถามทัวร์อื่น ๆ ได้ที่..
▪️ Line กด -> CLICK
▪️ inbox ก็ได้เช่นกัน -> m.me/unithaitrip
☎️ 02-234-5936 กด 1
☎️ 02-632-6882 กด 1
☎️ 091-154-9999 กด 1

🔺ติดต่อแผนกจัดกรุ๊ปเหมา กรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปบริษัท
▪️ Line กด -> CLICK
หรือแอดไลน์ @unithaibiggroup
☎️02-234-5936
☎️02-632-6882
กดได้ตั้งแต่ 201-208
**ขอความกรุณาติดต่อเฉพาะการจัดกรุ๊ปส่วนตัว กรุ๊ปเหมา เท่านั้น ไม่สามารถจองทัวร์หน้าร้านได้