Posted on

ทำไม เนื้อวัวญี่ปุ่นอร่อยขั้นเทพ

เสน่ห์ของอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่รสชาติอันโอชะของอาหาร เพราะวัตถุดิบของอาหารญี่ปุ่นจะคัดกรอง และใส่ใจเป็นพิเศษ ใช้วัถตุดิบจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้ที่เกษตรกรปลูกเอง หรืออาหารทะเลที่ไปใช้เรือประมงลากสัตว์น้ำมาปรุงเป็นอาหาร จากความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ของการดำรงชีพ ได้นำไปสู่การค้นคว้าปรับปรุงรสชาติ และคุณค่าของอาหารอย่างยาวนาน ต่อเนื่องมาหลายศตวรรษ จนยกระดับเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง

แม้แต่อาหารพิ้นบ้านธรรมดาๆก็นำมาจัดจานให้ดูสวยงามจนเป็นที่น่าทานเป็นที่สุด ตลอดจนมาตรฐานด้านสุขอนามัย ที่สูงสุด และน้ำประปาจากก๊อก ที่สะอาดปลอดภัยสามารถดื่มได้ทันที เรียกว่าใส่ใจทุกขั้นตอนของการผลิตเลยทีเดียว

เคยได้ยินกันใช่ไหมคะว่าเนื้อที่ดีที่สุดในโลกมาจากญี่ปุ่น นั่นก็เพราะการเลี้ยงดูด้วยความเอาใจใส่เพื่อให้ได้เนื้อที่นุ่มละมุนให้รสชาติและรสสัมผัสที่ไม่มีใครเหมือน ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของเนื้อวัวญี่ปุ่นคือรสสัมผัสในชั้นเนื้อจะมีไขมันแทรกตัวอยู่อย่างละเอียดคล้ายตาข่ายอยู่ทั่วกล้ามเนื้อ เรียกว่า “ลายหินอ่อน” ซึ่งจะทำให้เกิดรสสัมผัสอ่อนนุ่มราวกับว่าแต่ละคำที่ทานเข้าไป จะละลายในปาก จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือกลิ่นหอม โดยเฉพาะตอนที่ย่างบนไฟอ่อนๆ

เนื้อจากวัวญี่ปุ่นที่เลี้ยงใน สภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติจะอัดแน่นด้วยกลิ่นหอมกลมกล่อม เต็มรสชาติของเนื้อ ว่ากันว่าวิธีการปรุงอาหารแบบเฉพาะของญี่ปุ่นโดยใช้เนื้อสไลด์บางๆ เป็นเส้น เช่น สุกี้ยากี้ และชาบู-ชาบู ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อดึงความอร่อยจากจุดเด่นเหล่านี้ ออกมาให้มากที่สุด

ส่วนกระบวนการในการผลิตวัววากิวญี่ปุ่นจะใช้เทคนิคพิเศษในการผสมพันธ์คือถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อปกป้องสายพันธุ์ของวัว ลูกวัวทุกตัวที่เกิดในกระบวนการนี้จะถูกประทับหมายเลขประจำตัว และมีการบันทึกข้อมูล เช่น วันเดือนปีเกิด สายพันธุ์ของพ่อแม่ และสถานที่เกิด

วัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ ได้ถูกนำไปเลี้ยงในจังหวัดต่างๆ ด้วยวิธีการเลี้ยงที่แตกต่างกัน และมีชื่อเรียกขานที่แตกต่างกันออกไปกว่า 100 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิด จะมีรสชาติ และลักษณะเด่นแตกต่างกันไปด้วย วัวชนิดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุด 2 ชนิด คือ วัวโกเบ (Koube gyuu) และ วัวมัทซึซากะ ( Matsusaka gyuu)

โดยเกษตรกรจะเลี้ยงโดยให้กินต้นข้าว ข้าวสาลี และหญ้าแห้งเกรดดี เช่นวัวโกเบ จะบีบนวดให้วัว วันละ 7-8 ชั่วโมง และให้ดื่มเบียร์วันละ 6 ขวด ส่วนวัวมัทซึซากะ จะเลี้ยงในโรงวัวที่หรี่แสง อากาศถ่ายเทดี เพื่อปรับอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไปในฤดูร้อน ไม่ทำให้เกิดเสียงเครื่องยนต์ใดๆ

โดยจะให้ฟังเพลงคลาสสิก พร้อมกับบีบนวด และใช้สาเกพ่นตามลำตัวและแปรงขน เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้วัวปราศจากความเครียด อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำสะอาดและอากาศบริสุทธิ์ เพราะจะทำให้เนื้อมีคุณภาพดีที่สุด

กว่าจะมาเป็นเนื้อนุ่มๆให้เราได้ทาน เรียกว่าญี่ปุ่นได้ใส่ใจในทุกกระบวนการและขั้นตอนการผลิตตั้งแต่การผสมพันธ์ การเลี้ยงดูเอาใจใส่กันเลยทีเดียว และแม้วาราคาของเนื้อญี่ปุ่นจะสูงไปนิดนึง แต่ก็ควรค่าแก่การลิ้มรสสักคำนะคะ


สาระน่ารู้

  • วัวโกเบ (Koube gyuu)

เป็นวัวทาจิมา (Tajima ushi) ที่ถือกำเนิด เลี้ยง และชำแหละในจังหวัดเฮียวโงะ โดยจะต้องเป็นเนื้อในระดับเกรด A4 หรือ B4 ขึ้นไป และมีอัตราฟองไขมัน (BMS) ตั้งแต่ระดับ 6 ขึ้นไปเท่านั้น

วัวโกเบมีจุดเด่นคือ มีอัตราการให้เนื้อสูง พื้นที่หน้าตัดของเนื้อสันมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เนื้อเยื่อเป็นเส้นไยที่ละเอียด ฟองไขมันเป็นเม็ดเล็ก คุณภาพดี ละลายในอุณหภูมิต่ำ จึงมีความนุ่ม และรสชาติดีเป็นพิเศษกว่าวัวชนิดอื่น


  • วัวมัทซึซากะ (Matsusaka gyuu)

เป็นวัวตัวเมียที่ไม่เคยตั้งท้องมาก่อน และถูกเลี้ยงในบริเวณพื้นที่ตอนกลางของจังหวัดมิเอะ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 เดือน โดยการคัดเลือกลูกวัวสายพันธุ์ดีจากแหล่งต่างๆในประเทศมาเลี้ยง และหากลูกวัวที่นำมาเลี้ยงเป็นลูกวัวทาจิมา ของจังหวัดเฮียวโงะ ก็จะเรียกว่า วัวมัทซึซากะชั้นพิเศษ ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าปกติอีกเกือบ 2 เท่าตัว

ปัจจุบัน เนื้อวัวมัทซึซากะได้รับการยอมรับว่า เป็นเนื้อวัวที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกไม่แพ้เนื้อวัวโกเบ

วัวมัทซึซากะมีจุดเด่นคือ เนื้อเยื่อมีเส้นไยที่ละเอียด ฟองไขมันมีลวดลายที่สวยงาม เนื้อมีความนุ่มเป็นพิเศษ ไขมันมีรสหวาน และละลายในอุณหภูมิต่ำเช่นเดียวกับเนื้อวัวโกเบ คือ เพียงวางเนื้อไว้บนฝ่ามือ ก็สามารถทำให้ฟองไขมันละลายได้ และหากนำไปย่างจะส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำลายมากเลยค่ะ